การประชุมสรุปผลการสัมมนาโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย

 ## รายงานการประชุมสรุปผลการสัมมนาโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย



**ข้อมูลการจัดกิจกรรม**

*   **งาน:** งานสัมมนาแนะนำโครงการปฐมนิเทศ การให้เอกชนร่วมลงทุน ติดตั้งงานระบบ ดำเนินงาน และบำรุงรักษา โครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย

*   **ผู้จัด:** การรถไฟแห่งประเทศไทย

*   **ผู้ดำเนินรายการ:** ฝ่ายสื่อสารองค์กร

*   **ผู้เข้าร่วมประชุมสำคัญ:**

    *   คุณวัฒนา ณีโชติ วิศวกรอำนวยการ ศูนย์โครงการปรับปรุงทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย

    *   คุณพันเทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น

    *   ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรเทพ อนุสรณ์นิติสาร ผู้จัดการโครงการ และ คุณธนากร ชัยรพิญโญ รองผู้จัดการโครงการ จากกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา

    *   ดร.มุกดาวดี เทียนทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ จากกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา

    *   หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดและอำเภอ, แขกผู้มีเกียรติ, และสื่อมวลชนจากจังหวัดขอนแก่นและพื้นที่ใกล้เคียง

*   **วัตถุประสงค์หลักของการสัมมนา:**

    1.  เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดโครงการให้กลุ่มเป้าหมายรับทราบและเข้าใจอย่างถูกต้อง

    2.  เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อนำมาประกอบการจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ


**ภาพรวมโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย**

*   **ความร่วมมือ:** โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค

*   **ระยะเวลาโครงการ:** เริ่มต้นบันทึกความเข้าใจตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557

*   **เส้นทาง:** แบ่งเป็น 2 ระยะ

    *   **ระยะที่ 1:** กรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา

    *   **ระยะที่ 2:** นครราชสีมา-หนองคาย

    *   รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ **608 กิโลเมตร**

*   **เทคโนโลยีและการลงทุน:**

    *   ใช้เทคโนโลยีของประเทศจีน โดยมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้คนไทย ทั้งวิธีการก่อสร้างและวัสดุ

    *   **รัฐบาลไทยลงทุนเองทั้งหมด** โดยอาจกู้เงินจากแหล่งทั่วไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ได้กู้โดยตรงจากรัฐบาลจีน

    *   มูลค่าโครงการ (งานโยธา) ระยะที่ 1 อยู่ที่ 179,000 ล้านบาท และระยะที่ 2 อยู่ที่ 237,000 ล้านบาท

    *   **เน้นการขนส่งผู้โดยสารเป็นหลัก** ไม่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าประเภทตู้คอนเทนเนอร์ (แต่การขนส่งพัสดุขนาดเล็กอาจเป็นไปได้ในอนาคต)

*   **วัตถุประสงค์:** ยกระดับระบบขนส่งของประเทศและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและระดับประเทศอย่างยั่งยืน



**ความคืบหน้าโครงการและรายละเอียดทางเทคนิค**

*   **โครงการระยะที่ 1 (กรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา)**

    *   **ระยะทาง:** ประมาณ 251 กิโลเมตร

    *   **สถานี:** 6 สถานี ได้แก่ กรุงเทพฯ อภิวัฒน์, ดอนเมือง, อยุธยา, สระบุรี, ปากช่อง, และนครราชสีมา

    *   **ศูนย์ซ่อมบำรุงหลัก:** ที่เชียงรากน้อย

    *   **ความก้าวหน้า:** ปัจจุบันงานโยธากำลังดำเนินการก่อสร้าง มี 14 สัญญางานโยธา และ 1 สัญญางานระบบ ณ วันที่ 25 มิถุนายน มีความก้าวหน้าสะสมประมาณ **45.65%**

    *   **ส่วนที่แล้วเสร็จ:** 2 สัญญา (กลางดง-ปางอโศก และสีคิ้ว-กุดจิก)

    *   **ส่วนที่ยังไม่ลงนาม:** 2 สัญญา (บางซื่อ-ดอนเมือง เนื่องจากทับซ้อนกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และบ้านโพธิ์-พระแก้ว เนื่องจากติดประเด็นมรดกโลก)

    *   **งานระบบ:** ลงนามสัญญาแล้ว อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดและจัดหาวัสดุ/อุปกรณ์

    *   **คาดว่าจะแล้วเสร็จ:** ปี พ.ศ. 2572

*   **โครงการระยะที่ 2 (นครราชสีมา-หนองคาย)**

    *   **ระยะทาง:** ประมาณ 357 กิโลเมตร

    *   **สถานี:** 5 สถานี ได้แก่ บัวใหญ่, บ้านไผ่, ขอนแก่น, อุดรธานี, และหนองคาย

    *   **ศูนย์ซ่อมบำรุงย่อย:** ที่นาทาณ (หนองคาย)

    *   **ความคืบหน้า:** ออกแบบแล้วเสร็จ และคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการแล้ว

    *   **คาดว่าจะแล้วเสร็จ:** ปี พ.ศ. 2574

    *   **บทบาทเอกชน:** เอกชนจะเข้ามาร่วมลงทุนในการติดตั้งงานระบบ ดำเนินงาน และบำรุงรักษาเฉพาะในส่วนของระยะที่ 2 และจะเข้ามาบริหารจัดการการเดินรถทั้งระยะที่ 1 และ 2

*   **สถานีและศูนย์ซ่อมบำรุง:**

    *   **สถานีกลางกรุงเทพฯ อภิวัฒน์:** ชั้นใต้ดินเป็นที่จอดรถ, ชั้น 1 จำหน่ายตั๋วและพื้นที่การค้า, ชั้น 2 รถไฟทางไกลและรถไฟชานเมือง, ชั้นบนสุดเป็นของรถไฟความเร็วสูง (แบ่งเป็นสายตะวันออก, ไทย-จีน, และสายใต้ในอนาคต)

    *   **สถานีอื่นๆ:** ส่วนใหญ่มี 3-4 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นทางเข้า/จำหน่ายตั๋ว และชั้นบนเป็นชานชาลาสำหรับรถไฟความเร็วสูง

    *   **ศูนย์ซ่อมบำรุง:** มีหน่วยซ่อมบำรุงทางย่อย (สระบุรี, โคกสะอาด, มะค่า, หนองเม็ก, โนสะอาด, นาทาณ) และศูนย์ซ่อมบำรุงหลักที่เชียงรากน้อย ศูนย์ซ่อมเชียงรากน้อยจะได้รับการเสริมขีดความสามารถเพื่อรองรับระยะที่ 2

    *   **ย่านกองเก็บสินค้าและศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า (Transshipment Yard):** ที่สถานีนาทาณ จะเป็นพื้นที่สำหรับเปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างรถไฟขนาดมาตรฐาน (1.435 เมตร) ที่มาจากจีน/ลาว กับรถไฟขนาด 1 เมตรของไทย ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับโครงการรถไฟความเร็วสูงนี้

*   **ระบบรถไฟและอุปกรณ์:**

    *   **ความเร็วสูงสุด:** **250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง**

    *   **โครงสร้างทางรถไฟ:** มีทั้งแบบมีหินโรยทางและไม่มีหินโรยทาง ออกแบบให้วางรางบนพื้นคอนกรีต

    *   **ขนาดราง:** **1.435 เมตร (Standard Gauge)**

    *   **ขบวนรถ:** ใช้รุ่น **ฟู่ซิงห้าว (Fuxing Hao) CR300A** ของจีน ความยาว 8 ตู้โดยสาร (ชั้น First Class และ Standard Class) สามารถขนผู้โดยสารได้ 594 คนต่อขบวน

    *   **ระบบไฟฟ้า:** 25 KV AC จ่ายไฟจากด้านบนเหนือขบวนรถ มี Traction Power Substation 13 แห่ง

    *   **ระบบอาณัติสัญญาณ:** CTCS Level 2 (เทคโนโลยีจีน) พร้อมระบบ Automatic Train Protection (ATP) เพื่อป้องกันรถไฟชนกัน

    *   **ระบบสื่อสาร:** มีสายส่งข้อมูล, วิทยุ, ระบบเฝ้าระวัง, โทรศัพท์, และระบบ Master Clock

    *   **ระบบตั๋ว:** เบื้องต้นใช้ Magnetic Media Paper สามารถซื้อผ่านตู้จำหน่ายอัตโนมัติหรือแอปพลิเคชันออนไลน์/มือถือได้ จะไม่รวมอยู่ในระบบตั๋วร่วมของรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ

*   **แผนการเดินรถ:**

    *   **ระยะเวลาเดินทาง:** กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที และนครราชสีมา-หนองคาย ประมาณ 1 ชั่วโมง 44 นาที (ไม่รวมเวลาจอด) รวมกรุงเทพฯ-หนองคาย ประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที เมื่อเปิดให้บริการเต็มเส้นทาง

    *   **ความถี่:** คาดว่าจะเดินรถประมาณ **ชั่วโมงละ 1 คัน** (ประมาณ 18 ชั่วโมงต่อวัน โดยมีช่วงพักเพื่อซ่อมบำรุง)

    *   **ลักษณะทางรถไฟ:** ออกแบบเป็นทางคู่ โดยขาขึ้นและขาล่องใช้รางแยกกัน

    *   **รูปแบบการให้บริการ:** สามารถปรับเปลี่ยนได้ เช่น จอดทุกสถานี, จอดเฉพาะสถานีสำคัญที่มีผู้โดยสารมาก (Express), หรือวิ่งตรงไม่จอดเลย ขึ้นอยู่กับความต้องการและกลยุทธ์ของผู้ประกอบการ



**การศึกษาและวิเคราะห์ความเหมาะสมโครงการ**

*   **รูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP):**

    *   กระทรวงคมนาคมมอบหมายให้การรถไฟฯ ศึกษาตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562

    *   **มูลค่าการลงทุนของเอกชน:** ประมาณ **80,000-90,000 ล้านบาท** เอกชนจะลงทุนในส่วนของระบบ (ตัวรถไฟ, รางและอุปกรณ์, ศูนย์ซ่อมบำรุง) และรับผิดชอบการให้บริการตลอดระยะเวลาโครงการ (ประมาณ 20-30 ปี)

    *   **เหตุผลในการใช้ PPP:** เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ, แบ่งปันความเสี่ยง, ใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของเอกชน, และช่วยประหยัดงบประมาณภาครัฐ

    *   **ข้อควรระวังของ PPP:** ความโปร่งใสในการคัดเลือกและการควบคุมให้เอกชนดำเนินการตามแผน

    *   **รูปแบบ PPP ที่เป็นไปได้:**

        *   **PPP Net Cost:** เอกชนลงทุนทั้งหมดหรือบางส่วน จัดหารายได้และแบ่งส่วนแบ่งให้รัฐ เอกชนรับความเสี่ยงธุรกิจทั้งหมด (นิยมที่สุด 90%)

        *   **PPP Gross Cost:** รัฐลงทุน จัดเก็บรายได้ เอกชนรับจ้างดำเนินการ รับผลตอบแทนตามที่ตกลง รัฐรับความเสี่ยงส่วนใหญ่

        *   **PPP Modified Gross Cost:** รัฐลงทุน จัดเก็บรายได้ เอกชนรับจ้างดำเนินการ ได้รับค่าตอบแทนตามสัญญา และค่าตอบแทนพิเศษหากทำได้เกินเป้าหมาย (KPI) เพื่อจูงใจ (เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วง)

    *   **การคัดเลือกรูปแบบ:** พิจารณาจากข้อดี-ข้อเสียของแต่ละวิธี, แหล่งเงินทุน, ความเสี่ยง, และผลการศึกษาด้านการเงิน-เศรษฐศาสตร์-เทคนิค

*   **การวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์และการเงิน:**

    *   **สมมติฐาน:** ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 30 ปี อัตราคิดลดทางเศรษฐศาสตร์ 7% อัตราคิดลดทางการเงิน 8.22%

    *   **ปริมาณผู้โดยสารคาดการณ์:** ในปีแรกที่เปิดให้บริการระยะที่ 1 คาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 7,230 คนต่อวัน และเมื่อเปิดเต็มเส้นทาง กรุงเทพฯ-หนองคาย จะเพิ่มขึ้นเป็น 24,300 คนต่อวัน และเพิ่มเป็น 58,000 คนต่อวันในปีที่ 30 สถานีขอนแก่นและอุดรธานีคาดว่าจะมีปริมาณผู้โดยสารค่อนข้างมากในระยะที่ 2

    *   **อัตราค่าโดยสาร (แบบจำลอง 3 รูปแบบ):**

        1.  ตามผลการศึกษาเดิมของ รฟท. (ปี 2566): 1.8 บาท/กิโลเมตร + ค่าแรกเข้า 80 บาท/เที่ยว

        2.  ตามหลักเกณฑ์กรมการขนส่งทางราง (ปี 2567): ค่าแรกเข้า 95 บาท/เที่ยว + 1.97 บาท/กิโลเมตร สำหรับ 1-300 กิโลเมตรแรก และ 1.7 บาท/กิโลเมตร สำหรับ 300 กิโลเมตรขึ้นไป

        3.  อัตราที่เหมาะสมตามสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน (กำลังสำรวจและทบทวน)

    *   **เครื่องมือวิเคราะห์ทางการเงิน:** NPV (มูลค่าปัจจุบันสุทธิ), IRR (อัตราผลตอบแทนทางการเงิน), Discount Payback Period (อัตราการคืนทุน), และ BCR (Benefit-Cost Ratio)

    *   **การวิเคราะห์ความอ่อนไหว (Sensitivity Analysis):** วิเคราะห์ผลกระทบหากเกิดกรณี: ต้นทุนเพิ่มขึ้น, รายได้เปลี่ยนแปลง (ผู้โดยสารลด/เพิ่ม), หรือโครงการภาครัฐล่าช้า

    *   **การวิเคราะห์ความเสี่ยง (Risk Analysis):** ใช้แนวคิด COSO ปี 2017 กำหนดความเสี่ยง 11 หมวด (เช่น พาณิชย์, การเงิน, กฎหมาย, การเมือง, เหตุสุดวิสัย, สิ่งแวดล้อม) ทั้งก่อน-ระหว่าง-หลังดำเนินการ เพื่อจัดลำดับและบริหารจัดการ

*   **บทบาทของที่ปรึกษา:** จัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุน พ.ศ. 2562 และหลักการของโครงการ รวมถึงสนับสนุนการรถไฟฯ ในการนำเสนอโครงการเพื่อขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2569)


**แผนการประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน**

*   **พื้นที่เป้าหมาย:** ผ่าน 8 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, นครราชสีมา, ขอนแก่น, อุดรธานี, และหนองคาย

*   **กิจกรรมที่ดำเนินการแล้ว:** ชี้แจงข้อมูลต่อผู้ว่าราชการจังหวัดครบทั้ง 8 จังหวัด (พ.ค.-มิ.ย. ที่ผ่านมา) และจัดสัมมนาปฐมนิเทศที่กรุงเทพฯ (15 ก.ค.) และขอนแก่น (17 ก.ค.)

*   **กิจกรรมถัดไป:**

    *   นำเสนอผลการศึกษา (ปัจฉิมนิเทศ) เพื่อรับฟังความคิดเห็นอีกครั้งในราวเดือนกันยายน

    *   จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนที่สนใจร่วมลงทุน (Market Sounding) ในราวเดือนตุลาคม

    *   เปิดให้ลงทะเบียนและสัมภาษณ์กลุ่มย่อย (One-on-One) กับเอกชนที่สนใจ เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและประเด็นห่วงกังวล

*   **ช่องทางการติดตามข้อมูล:**

    *   **เว็บไซต์:** **www.pphsr.com**

    *   **Facebook Page:** **PPP รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย**

*   **การรวบรวมข้อคิดเห็น:** ผู้เข้าร่วมสามารถทำแบบสอบถาม (ในห้องประชุมหรือออนไลน์ผ่าน QR Code) ส่งคืนภายในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้


**สรุปประเด็นคำถาม-ตอบ (Q&A)**

*   **ความเป็นไปได้ในการเปิดให้บริการกรุงเทพฯ-ขอนแก่นก่อนหนองคายในปี 2572:**

    *   **เป็นไปได้น้อยมาก** เนื่องจากระยะที่ 2 ยังไม่ได้ลงนามสัญญาก่อสร้าง และการวางระบบรถไฟต้องทดสอบระบบทั้งเส้นทาง ไม่สามารถเปิดเป็นส่วนๆ ได้เหมือนถนน

    *   ความล่าช้าในการเข้าพื้นที่ก่อสร้างและการแก้ไขปัญหาสามารถเกิดขึ้นได้อีกในระยะที่ 2 เหมือนกับที่เกิดขึ้นในระยะที่ 1

*   **จะมีระบบตั๋วเดือนหรือเหมาจ่ายรายเดือน/รายปีหรือไม่:**

    *   **เป็นไปได้** ผู้ดำเนินการเอกชนสามารถออกแบบกลไกที่มีความยืดหยุ่นในการนำเสนอรูปแบบการให้บริการหลากหลาย เช่น แพ็คเกจส่วนลดสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการตลาดของผู้ประกอบการ

*   **จะมีบริการขนส่งสินค้าเล็กๆ (กล่องละ 2-3 กก.) หรือไม่:**

    *   **เป็นไปได้** หากผู้ประกอบการเดินรถเห็นว่าสามารถหารายได้ได้ และมีการปรับรูปแบบการจัดวางในขบวนรถ อย่างไรก็ตาม หน้าที่หลักของรถไฟความเร็วสูงคือขนส่งผู้โดยสาร

*   **ภาคเอกชนในท้องถิ่นสามารถมีส่วนร่วมในโครงการได้หรือไม่:**

    *   **เป็นไปได้** ผ่านกลไก **Market Sounding** ที่จะเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็น โดยจะมีการพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขสัญญาต่างๆ

    *   มูลค่าการลงทุนที่สูงของโครงการ (80,000-90,000 ล้านบาท) อาจจำกัดผู้เข้าร่วม แต่ก็เปิดกว้างให้ทั้งบริษัทไทยและต่างชาติ โดยสัดส่วนการลงทุนจะถูกกำหนดโดยคณะกรรมการคัดเลือกในขั้นตอนถัดไป

    *   โอกาสทางธุรกิจในพื้นที่โดยรอบสถานี (เช่น การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, โรงแรม, การขนส่งต่อเนื่อง) อยู่ในมือของภาคเอกชนและท้องถิ่นที่จะต่อยอด

*   **จังหวัดจะได้รับประโยชน์อะไรจากโครงการนี้:**

    *   **ได้รับประโยชน์แน่นอนทุกจังหวัด** โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากโครงการจะเชื่อมโยงการเดินทางในระดับภูมิภาคให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น

    *   ประโยชน์ที่จังหวัดจะได้รับมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการวางแผนของจังหวัดในการต่อยอด (เช่น ผังเมือง, การจราจร, การพัฒนาพื้นที่รอบสถานี, การเชื่อมต่อกับขนส่งสาธารณะอื่นๆ)

    *   ยกตัวอย่างโมเดล "One Day Society" ของไต้หวัน ที่ช่วยเชื่อมโยงสังคมและกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

*   **การเชื่อมต่อระบบรางและ ด่าน ตม. กับ สปป. ลาว:**

    *   **สะพานใหม่:** จะมีการก่อสร้างสะพานรถไฟแห่งใหม่สำหรับรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อกับรถไฟไทย-จีนใน สปป.ลาว โดยสะพานมิตรภาพเดิมจะใช้สำหรับรถยนต์เท่านั้น

    *   **ขนาดราง:** รถไฟ 1 เมตรของไทยจะเชื่อมกับโครงข่าย 1 เมตรของลาว และรถไฟความเร็วสูงขนาด 1.435 เมตรจะเชื่อมกับโครงข่าย 1.435 เมตรของลาว

    *   **การเดินทาง:** ผู้โดยสารจะต้องลงเปลี่ยนขบวนและผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ที่หนองคาย/ลาว ไม่ใช่การวิ่งทะลุไปถึงจีนโดยตรง

*   **แผนการดำเนินงานของรถไฟ (เวลา, ราง):**

    *   **เวลาให้บริการ:** ประมาณ 18 ชั่วโมงต่อวัน (เช่น 05:00-23:00 น.) โดยมีช่วงพักเพื่อซ่อมบำรุง

    *   **ราง:** ออกแบบเป็นทางคู่ ขาขึ้นและขาล่องใช้รางแยกกัน ทำให้รถไฟวิ่งสวนกันได้

    *   **ความถี่:** โดยทั่วไปชั่วโมงละ 1 คัน แต่ช่วงเร่งด่วนอาจถี่ขึ้น (เช่น ครึ่งชั่วโมง) ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้โดยสาร

*   **บทบาทและการสนับสนุนจากหน่วยงานท้องถิ่น:**

    *   **ความปลอดภัยและระเบียบเรียบร้อย:** หน่วยงานท้องถิ่นสามารถให้ความร่วมมือในการดูแลความปลอดภัย (เช่น ป้องกันผู้บุกรุก, มาเฟีย, สแกมเมอร์) ผ่านเทศกิจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    *   **การเชื่อมต่อการเดินทาง:** จัดหาระบบขนส่งสาธารณะ (เช่น รถรับส่ง) เพื่อเชื่อมต่อสถานีรถไฟความเร็วสูงกับพื้นที่เมือง ชุมชน หรือแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร

    *   **การพัฒนาพื้นที่:** การปรับผังเมือง, การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์และแหล่งท่องเที่ยวรอบสถานี (Transit-Oriented Development - TOD) จะช่วยส่งเสริมโครงการโดยรวม

*   **มาตรการด้านสาธารณสุขและความปลอดภัยบนรถไฟ:**

    *   ผู้ให้บริการ (เอกชน) จะมีบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้น (เช่น CPR, การใช้อุปกรณ์ AED)

    *   จะมีการประสานงานกับโรงพยาบาลในพื้นที่เพื่อส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน คล้ายกับการจัดการในสนามบิน

*   **คุณสมบัติและสัดส่วนการลงทุนของบริษัทร่วมทุน:**

    *   **เปิดกว้างให้ทั้งบริษัทไทยและต่างชาติ** เข้ามาร่วมลงทุน

    *   **สัดส่วนการถือหุ้น** (เช่น 51:49) จะถูกกำหนดโดยคณะกรรมการคัดเลือก ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานรัฐต่างๆ (กระทรวงคมนาคม, อัยการสูงสุด, สำนักงบประมาณ, สภาพัฒน์, สคร.) ในขั้นตอนการคัดเลือกเอกชน ไม่ใช่ในขั้นตอนการนำเสนอโครงการนี้

    *   ภาคเอกชนที่สนใจสามารถเข้าร่วม Market Sounding เพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณสมบัติและเงื่อนไขต่างๆ ได้

*   **การจ้างงานบุคลากรท้องถิ่น:**

    *   **เป็นไปได้** และเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการเอกชนมักจะพิจารณาอยู่แล้ว เนื่องจากช่วยลดค่าใช้จ่าย

    *   อาจมีการกำหนดเป็นเงื่อนไขในสัญญาให้ผู้ประกอบการจ้างงานคนในท้องถิ่นในตำแหน่งทั่วไปหรือในสัดส่วนที่เหมาะสม


**ข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการสัมมนา (จากผู้เข้าร่วม)**

*   ควรมีการพิจารณาเรื่องตั๋วเดือน/รายปี หรือแพ็คเกจส่วนลดเพื่อดึงดูดผู้โดยสาร

*   อาจพิจารณาบริการขนส่งพัสดุขนาดเล็กเพื่อสร้างรายได้เสริม

*   ท้องถิ่นควรมีบทบาทในการจัดระบบขนส่งมวลชนเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟความเร็วสูง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและผู้เดินทาง

*   ควรมีการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น (เช่น อุทยานธรณีขอนแก่น-โคราช-กาฬสินธุ์) บนขบวนรถไฟหรือภายในสถานี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

*   ควรมีการจ้างงานบุคลากรในท้องถิ่นในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการกระจายรายได้สู่ชุมชน


**อนาคตโครงการ:** การรถไฟฯ หวังว่าโครงการนี้จะสร้างประโยชน์อย่างยิ่งต่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และประสบความสำเร็จได้ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะหน่วยงานท้องถิ่นในการต่อยอดและพัฒนาพื้นที่รอบสถานี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เทศกาลอาหารอีสานขอนแก่น 2568

KhonKaen NEXT ดีเบต 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น