การเสวนาเกี่ยวกับ "ตลาดสีเขียวขอนแก่น" ครบรอบ 10 ปี

การเสวนาเกี่ยวกับ "ตลาดสีเขียวขอนแก่น" ครบรอบ 10 ปี โดยมีผู้ร่วมเสวนาหลายท่าน ได้แก่ ตัวแทนเกษตรกร ผู้บริโภค แพทย์ และนักวิชาการด้านเกษตรกรรมยั่งยืน โดยมีประเด็นหลักเกี่ยวกับความสำคัญของตลาดสีเขียวในการส่งเสริมอาหารปลอดภัย สถานการณ์ปัญหาสารเคมีตกค้างในอาหาร และแนวทางการพัฒนาตลาดสีเขียวให้ยั่งยืนยิ่งขึ้น

ประเด็นหลักและแนวคิดสำคัญ:

ความสำคัญของตลาดสีเขียวขอนแก่น:ตลาดสีเขียวเป็นพื้นที่ปลอดภัยและมีอาหารปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค ซึ่งได้ดำเนินการมา 10 ปี และทำหน้าที่นี้ได้อย่าง "สมภาคภูมิ"

ตลาดเป็นแหล่งรวมผลผลิตจากเกษตรกรที่ผลิตอาหารปลอดภัย ลดการปนเปื้อนสารเคมี

ตลาดเป็นพื้นที่ที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพและสนับสนุนเกษตรกรในท้องถิ่น

"ตลาดเขียว...เป็นพื้นที่ที่ขายอาหารที่ปลอดภัย ทั้งพืชผักผลไม้แล้วก็อาหารที่เอามาจำหน่าย"

สถานการณ์ปัญหาสารเคมีตกค้างในอาหาร:มีการสำรวจพบว่าผลไม้บางชนิด เช่น พุทรา มีสารเคมีตกค้างถึง 100% ในขณะที่แอปเปิ้ลมีสารเคมีตกค้างน้อยที่สุด

ปัญหาการปนเปื้อนสารเคมีในอาหารยังคงสูง ไม่ดีขึ้น แม้จะมีการรณรงค์แบนสารเคมีบางชนิด

สารเคมีไกลโฟเซต (Glyphosate) ซึ่งเป็นยาฆ่าหญ้า ยังคงมีการใช้และนำเข้า ทำให้ผู้บริโภคได้รับสารเคมีผ่านอาหาร

สารเคมีไกลโฟเซตมีความสัมพันธ์กับโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดัน และโรคอื่นๆ กว่า 22 โรค โดยมีกลไกสำคัญคือการทำลายจุลินทรีย์ในลำไส้

"เราก็สะสมสารพิษอ่ะ เค้าเรียกว่าตายผ่อนส่งเนี่ยจริงเลย"

"ไกลโฟเซตเนี่ย เราพบว่ามันสัมพันธ์กับการเกิดโรคทั้งมะเร็งและไม่ใช่แค่ไม่มะเร็งมากกว่า 22 โรค"

บทบาทของอาหารกับการดูแลสุขภาพ:การกินอาหารปลอดภัย ปลอดสารพิษ สามารถช่วยลดการเจ็บป่วยและโรคเรื้อรังได้

การเปลี่ยนมาทานผักผลไม้ปลอดสารพิษ สามารถช่วยให้ผู้ป่วยหายจากโรคได้ ซึ่งเป็นแนวคิด "Food is Medicine"

มีการส่งเสริมให้ผู้คนปลูกผักกินเองและแลกเปลี่ยนผลผลิตกับเพื่อนบ้าน

โรงพยาบาลบางแห่งเริ่มมีนโยบายให้ผู้ป่วยได้รับอาหารปลอดสารพิษ เพื่อช่วยให้หายจากโรคเร็วขึ้น

"คนป่วยแล้วมาทานอาหารแบบนี้ มันทำให้หายจากโรคได้ด้วย"

บทบาทของตลาดสีเขียวกับการส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน:ตลาดสีเขียวเริ่มต้นจากความต้องการที่จะสร้างพื้นที่จำหน่ายอาหารปลอดภัยให้ผู้บริโภค

ตลาดมีระบบการตรวจสอบคุณภาพผลผลิตและแหล่งที่มาของสินค้า

มีบทลงโทษสำหรับผู้ที่นำสินค้าจากแหล่งที่ไม่ใช่สมาชิกมาขาย

ตลาดส่งเสริมให้ผู้บริโภคกินอาหารตามฤดูกาล เพื่อลดความเสี่ยงของการได้รับสารเคมีและส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ

"ตลาดสีเขียว...เป็นพื้นที่ของความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค"

ความท้าทายและแนวทางการพัฒนาตลาดสีเขียว:ต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษามาตรฐานและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค

ควรขยายตลาดไปยังพื้นที่อื่น ๆ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น อาจพิจารณาเพิ่มวันจำหน่ายและสถานที่ เช่น บริเวณสวนรัชดา

ควรเพิ่มจำนวนเกษตรกรผู้ผลิตที่เข้าร่วมตลาด และอาจพิจารณาระบบการส่งตรงถึงบ้านสำหรับผู้บริโภคที่ไม่สะดวกมาซื้อเอง

จำเป็นต้องมีระบบการตลาดและการสื่อสารที่ดี เพื่อให้ผู้บริโภครับรู้ถึงความสำคัญของตลาดสีเขียวและผลิตภัณฑ์

ต้องมีผู้ที่มีความรู้ด้านการตลาด การสื่อสาร และโลจิสติกส์ เข้ามาช่วยเสริม

ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนรุ่นใหม่และสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของความมั่นคงทางอาหาร

ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ร่วมเสวนา:

ดร.ปัตตพงษ์: ส่งเสริมให้ปลูกผักกินเอง และสร้างระบบ CSA (Community Supported Agriculture) ที่ผู้บริโภคทำสัญญากับเกษตรกร และมีระบบเครดิตท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

คุณถนัด: ตลาดเขียวมีแผนจะเพิ่มวันและสถานที่จำหน่าย ขยายกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิต และยังเปิดรับระบบส่งตรงถึงบ้าน

ดร.วิไล: เน้นความซื่อสัตย์ของผู้ขาย และอยากให้ตลาดสีเขียวเชื่อมโยงกับ มข. และมีผู้เชี่ยวชาญด้าน Marketing เข้ามาช่วย

คุณทัศนี: ตลาดสีเขียวเป็นมากกว่าตลาด แต่เป็นพื้นที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค และส่งเสริมการกินตามฤดูกาล

อาจารย์สุรเดช: เสนอให้ KKTT หรือขอนแก่นพัฒนาเมืองเข้ามาช่วยเรื่อง marketing, logistics และ deliver และมีการรวมตัวของหลายภาคส่วน

คุณพ่อประมวล: ชี้ให้เห็นความสำคัญของการปลูกผักด้วยวิธีธรรมชาติ และแนะนำให้ศึกษาแนวทางการดูแลสุขภาพด้วยอาหารจากวัดสัมปตะ

สรุป:

ตลาดสีเขียวขอนแก่นมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมอาหารปลอดภัยและเกษตรกรรมยั่งยืน แต่ยังมีความท้าทายที่ต้องแก้ไข การขยายตลาด การสร้างความเชื่อมั่น และการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ตลาดสีเขียวเป็นที่พึ่งของคนขอนแก่นและเป็นต้นแบบของการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน