การพัฒนาเมืองแห่งการเรียนรู้ และบทบาทของนักจัดการเมืองแห่งการเรียนรู้

หัวข้อหลัก: การพัฒนาเมืองแห่งการเรียนรู้ และบทบาทของนักจัดการเมืองแห่งการเรียนรู้




สรุปประเด็นสำคัญ:

เอกสารเสียงนี้เป็นการบรรยายโดยอาจารย์เอ ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งเป็นการบรรยายเกี่ยวกับแนวคิดและแนวทางการพัฒนาเมืองแห่งการเรียนรู้ โดยเน้นที่ 3 เงื่อนไขหลัก และยกตัวอย่างกรณีศึกษาจากเมืองต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงการอธิบายบทบาทของนักจัดการเมืองแห่งการเรียนรู้ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเมืองแห่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืน

1. แนวคิดและเงื่อนไขการพัฒนาเมืองแห่งการเรียนรู้:

ความหมาย: เมืองแห่งการเรียนรู้คือการสร้างคนและสร้างเมืองไปพร้อมๆ กัน

เงื่อนไข 3 ประการ:ความมุ่งมั่นของผู้บริหารเมือง: ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและมุ่งมั่นในการพัฒนาเมือง โดยอาจกำหนดขอบเขตพื้นที่เป้าหมายตามประวัติศาสตร์ พื้นที่การปกครอง หรือนโยบาย

"เราสามารถกำหนดขอบเขตเมืองก่อนได้นะคะ ยังไม่ต้องทำทั้งจังหวัดก็ได้ค่ะ อย่างเช่นที่พะเยาเนี่ย ใช้เกณฑ์ก็คือประวัติประวัติศาสตร์ของพื้นที่"

ภาคีเครือข่าย: การดึงภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย และชุมชน เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา

"นอกเหนือจากความมุ่งมั่นผู้ นำ เมืองแล้วเนี่ย ที่จะพัฒนาเมืองแห่งการเรียนรู้หรือสร้างพื้นที่เรียนรู้แล้วเนี่ย ยังไม่พอต้องมีภาคีด้วยค่ะ"

การระดมทรัพยากร: การร่วมลงขันทั้งกำลังคน ทรัพย์สิน และงบประมาณจากภาคีเครือข่าย

"ภาคีเครือข่ายก็ นอก จากจะมีหน้าที่ช่วยกันพัฒนาคนพัฒนาเมืองบนพื้นที่ตามนโยบายของผู้ นำหรือท่านนายกแล้วนะคะ ก็บางทีก็ต้องลงขันกันเหมือนกันค่ะ"

พื้นที่หลัก: การกำหนดพื้นที่ศูนย์กลางการเรียนรู้ แล้วค่อยๆ ขยายออกไปสู่ชุมชนโดยรอบ เช่น กรณีพะเยาใช้กว๊านพะเยาและ TK Park เป็นศูนย์กลาง

"เรา ค่อยขยายไปแหล่งเรียนรู้ชุมชนที่อยู่รอบๆ พักหรือว่ากว๊านพะเยานั่นเองค่ะ ก็จะได้แหล่งเรียนรู้เพิ่มขึ้นโดยที่มี TK ปารค เป็นจุดศูนย์กลาง"

2. ตัวอย่างเมืองแห่งการเรียนรู้ (กรณีศึกษา):

ปูซาน (เกาหลีใต้):วิสัยทัศน์: เมืองนวัตกรรมบนฐานของศิลปวัฒนธรรม

ปัญหา: ประชากรผู้พิการและผู้สูงอายุมีจำนวนมาก

การแก้ไข: พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีดิจิทัล (Application) เพื่อรองรับการเดินทางของผู้พิการและผู้สูงอายุ โดยเชื่อมโยงกับแหล่งเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม

การเรียนรู้: ใช้ศิลปวัฒนธรรมเป็นสื่อกลางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างแหล่งท่องเที่ยว

"การพัฒนาเมืองในระดับปฏิบัติการน่ะ ตอบโจทย์ที่มากับนโยบายของนายกที่ชัดเจน"

แนวคิด 15 นาที: ผู้คนสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้ภายใน 15 นาทีจากที่อยู่อาศัย

สุราบายา (อินโดนีเซีย):ปัญหา: เด็กและเยาวชนที่ไม่ได้ศึกษาต่อมีจำนวนมาก

การแก้ไข: ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านผู้ประกอบการ (Start up) ให้กับเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษา

การเรียนรู้: ใช้พื้นที่ทางเชื่อมระหว่างอาคารเป็นพื้นที่เรียนรู้และสร้าง Start up

"ก็เลยใช้กระบวนการเรียนรู้ให้เด็กเป็นผู้ประกอบการรุ่นเยาว์อ่ะค่ะ เข้ามาช่วยเด็กที่หลุดออกนอกระบบกลุ่มนี้"

การดึงภาคี: ดึงธนาคาร นักธุรกิจ สตาร์ทอัพ ครูผู้สอนคณิตศาสตร์มาช่วยสอน

ดนตรี: ใช้ดนตรีเป็นเครื่องมือในการพัฒนาผู้พิการ

โอคายามะ (ญี่ปุ่น):ปัญหา: ปัญหาสิ่งแวดล้อมในแม่น้ำลำคลอง

การแก้ไข: ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อม (ESD: Education for Sustainable Development) ให้เยาวชนเป็นนักจัดการสิ่งแวดล้อม

"ก็คือเป็นการเรียนรู้เพื่อให้น้องๆ เยาวชนเนี่ย ได้เป็นนักจัดการสิ่งแวดล้อม ก็คือรู้ว่าจะต้องทำความสะอาดแม่น้ำลำคองยังไง ต้องกำจัดขยะยังไง"

การเรียนรู้: การสร้างความยั่งยืนโดยให้รุ่นพี่ที่จบไปแล้ว กลับมาสอนรุ่นน้องต่อ

โกมินกัง: ใช้พื้นที่ศูนย์เรียนรู้ "โกมินกัง" เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ

การวัดผล: ประเมินผลโดยใช้แบบสอบถามความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการวัดคาร์บอนเครดิต (กรณีพะเยา)

3. บทบาทของนักจัดการเมืองแห่งการเรียนรู้:

ความจำเป็น: เกิดจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารเมือง ซึ่งอาจทำให้โครงการพัฒนาเมืองหยุดชะงัก

หน้าที่: เป็นคนกลางประสานงานระหว่างผู้บริหารเมือง ภาคีเครือข่าย และชุมชน เพื่อให้กระบวนการเรียนรู้และการพัฒนาเมืองดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง

"ต้องมีกลุ่มคนอีกกลุ่มนึงค่ะ ที่ไม่ใช่เค้าเรียกว่า ไม่ใช่ทีมงานท่านนายก แล้วก็อาจจะต้องไม่ใช่ทีมงานของนักวิจัยด้วย มาช่วยในการที่จะทำให้กิจกรรมในการช่วยคนตกงานเนี่ยมันเดินต่อไปได้"

คุณสมบัติ:มีความนอบน้อม เข้ากับผู้ใหญ่และชุมชนได้

มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถชี้แนะชุมชนได้

มีทักษะการสื่อสารที่ดี ปรับตัวได้ ยืดหยุ่น

เข้าใจแนวคิดเมืองแห่งการเรียนรู้และสามารถขับเคลื่อนได้

สามารถประสานงาน จัดกิจกรรม และวัดประเมินผลการเรียนรู้ได้

แตกต่างจากนักฝึกอาชีพ: ไม่ได้สอนอาชีพ แต่เป็นผู้เชื่อมโยงกระบวนการทำงานต่างๆ

4. องค์ประกอบสำคัญของการพัฒนาเมืองแห่งการเรียนรู้:

ภาคีเครือข่าย: บริหารจัดการเมืองร่วมกันภายใต้วิสัยทัศน์ที่ชัดเจน

แหล่งเรียนรู้: พัฒนาแหล่งเรียนรู้ตามที่ต่างๆ โดยมีพื้นที่หลักเป็นศูนย์กลาง

การวัดผล: มีการวัดประเมินผลการเรียนรู้ตามประเด็นปัญหาของเมือง

กิจกรรม: จัดงานเฉลิมฉลองหรือตลาดนัดความรู้เพื่อแลกเปลี่ยนและสร้างความตระหนัก

การระดมทรัพยากร: ระดมทั้งทรัพยากรที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงิน

5. ข้อสรุป:

เมืองแห่งการเรียนรู้เริ่มจากประเด็นปัญหาของเมือง ใช้กระบวนการเรียนรู้ในการแก้ปัญหา วัดประเมินผล และจัดกิจกรรมส่งเสริมให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนา

คำถามท้ายการบรรยาย:

ผู้บรรยายเปิดพื้นที่ให้ผู้ฟังซักถาม และเน้นย้ำว่าบทบาทนักจัดการเมืองแห่งการเรียนรู้ อาจดูเหมือนมีงานมาก แต่ควรค่อยๆ ทำไป

จุดเด่นของขอนแก่น:

มีความเข้มแข็งของหลายภาคส่วน

สามารถผูกเรื่องการเรียนรู้เข้ากับการท่องเที่ยวได้

มีสภาพที่เหมาะแก่การเดินทางมาเรียนรู้และท่องเที่ยว

จุดเด่นของพะเยา:

มีการเชื่อมโยงกับ สกร. และศึกษาธิการจังหวัด

มีแหล่งเรียนรู้รอบ TK Park

มีมาตรการช่วยเด็กที่หลุดออกนอกระบบ

หมายเหตุ:

เกณฑ์การประเมินผลของเมืองแห่งการเรียนรู้ นำมาจากยูเนสโก และปรับให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่

การพัฒนาเมืองแห่งการเรียนรู้ เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน

เอกสารนี้เป็นการสรุปประเด็นสำคัญจากแหล่งข้อมูล "0126.MP3" โดยเน้นที่แนวคิด หลักการ และตัวอย่างของการพัฒนาเมืองแห่งการเรียนรู้ พร้อมทั้งบทบาทสำคัญของนักจัดการเมืองแห่งการเรียนรู้ 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การประชุมสรุปผลการสัมมนาโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย

เทศกาลอาหารอีสานขอนแก่น 2568

KhonKaen NEXT ดีเบต 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น