AI จะพลิกโฉมอนาคตการศึกษาไทย ไปในทิศทางใด: ถอดบทเรียนการเรียนรู้ การปรับตัวเพื่อสร้างสังคมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
เสวนาวิชาการ โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ
ภายใต้หัวข้อ “AI จะพลิกโฉมอนาคตการศึกษาไทย ไปในทิศทางใด: ถอดบทเรียนการเรียนรู้ การปรับตัวเพื่อสร้างสังคมการเรียนรู้ตลอดชีวิต”
- ดร.กมล รอดคล้าย
ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม - รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา
- รศ.ดร.ชวลิต ชูกําแพง
คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
- รศ.ดร.สฎายุ ธีระวณิชตระกูล
คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
ภาพรวม:
เอกสารนี้เป็นการถอดเสียงจากการเสวนาเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ AI ในการศึกษาไทย โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสถาบันเข้าร่วม ได้แก่ ดร.กมล รอดคล้าย (สมาชิกวุฒิสภาและประธานกรรมาธิการด้านการศึกษา), รศ.ดร.ชวลิต ชูกำแพง (คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม) และ รศ.ดร.สดายุ ธีรวณิชตระกูล (คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา) การเสวนาครอบคลุมประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI ในการศึกษา ทั้งในด้านโอกาส ความท้าทาย และแนวทางการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง
ประเด็นหลัก:
AI คือเครื่องมือ: ดร.กมลเน้นย้ำว่า AI ไม่ใช่เนื้อหา (content) แต่เป็นเครื่องมือ (tool) ที่จะช่วยในการจัดการศึกษาและพัฒนาประเทศ "AI ไม่ใช่ content แต่ AI เป็น Innovation AI เป็นเครื่องมือที่เราจะใช้เพื่อพัฒนาการศึกษา" การทำความเข้าใจ AI ในฐานะเครื่องมือจะช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถประยุกต์ใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพในหลากหลายมิติ ทั้งการเรียนการสอน การบริหารจัดการ และการประเมินผล
การสร้างคนคุณภาพและการพัฒนาครู: ดร.กมลกล่าวถึงแผนการสร้าง "คนคุณภาพ" ผ่านโครงการสำหรับเด็กอัจฉริยะ (gifted children) และการพัฒนา "ซูเปอร์ครู" โดยให้ทุนสนับสนุนครูประจำการเพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกและนำความรู้กลับมาพัฒนาการศึกษาไทย นอกจากนี้ ยังมีการดึงคนเก่งที่เป็นคนไทยในต่างประเทศกลับมาพัฒนาประเทศอีกด้วย
White Paper ทิศทางการศึกษาไทย: ดร.กมลกล่าวถึงการจัดทำ White Paper ว่าด้วยทิศทางการศึกษาไทยที่สังคมคาดหวัง ซึ่งจะเน้น 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การสร้างคนคุณภาพ การดึงคนเก่งกลับประเทศ และการใช้ Data-Driven (AI) ในการจัดสรรคนให้ตรงกับความสามารถและความเชี่ยวชาญ
การเตรียมความพร้อมของสถาบันผลิตครู: รศ.ดร.ชวลิตกล่าวถึงการปรับปรุงหลักสูตรการผลิตครูให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบูรณาการ TPACK (Technological Pedagogical and Content Knowledge) เข้าไปในหลักสูตร นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาแพลตฟอร์ม AI ที่ส่งเสริมการเรียนรู้แบบ Inquiry-Based Learning โดยให้ AI ตั้งคำถามกลับมาที่ผู้เรียนแทนที่จะให้คำตอบเพียงอย่างเดียว
AI กับ Creative Destruction: รศ.ดร.สดายุกล่าวถึงผลกระทบของ AI ที่อาจนำไปสู่ "Creative Destruction" หรือการทำลายล้างอย่างสร้างสรรค์ในระบบการศึกษา ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และ reimagภาพลักษณ์ของการศึกษาใหม่ โดยให้ AI เป็นเครื่องมือช่วยในการคิดวิเคราะห์และสร้างสรรค์มากกว่าการเป็นแหล่งข้อมูล
4I: รศ.ดร.สดายุเสนอแนวคิด "4I" เพื่อการปรับตัวในยุค AI ได้แก่ Innovation (AI คือนวัตกรรม), Innovator (ครูและผู้บริหารต้องเป็นนวัตกร), Integrate (บูรณาการ AI เข้ากับงานวิชาการ) และ Integrity (คุณธรรมจริยธรรมในการใช้ AI) โดยเน้นย้ำว่า Integrity คือตัวคูณคุณภาพของคนในอนาคต
กรอบจริยธรรมในการใช้ AI: ดร.กมลและ รศ.ดร.สดายุเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีกรอบจริยธรรมในการใช้ AI เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและส่งเสริมการใช้ AI ในเชิงบวก โดยกระทรวงศึกษาธิการกำลังพิจารณาที่จะเพิ่มหมวดว่าด้วยมิติเชิงจริยธรรมในกฎหมายการศึกษาฉบับใหม่
คำคมสำคัญ:
ดร.กมล รอดคล้าย: "AI ไม่ใช่ content แต่ AI เป็น Innovation AI เป็นเครื่องมือที่เราจะใช้เพื่อพัฒนาการศึกษา"
รศ.ดร.สดายุ ธีรวณิชตระกูล: "ไม่มีโรงเรียนดีถ้าผู้บริหารแย่ แล้วก็ไม่มีโรงเรียนแย่ถ้าผู้บริหารดี"
รศ.ดร.สดายุ ธีรวณิชตระกูล: "Intrigity เพราะ โลก ใน อนาคต ตัว จริยธรรม และ คุณธรรม จะ เป็น ตัว คูณ คุณภาพ ของ คน"
บทสรุป:
การเสวนาชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของ AI ในการปฏิรูปการศึกษาไทย แต่ขณะเดียวกันก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมและสร้างกรอบจริยธรรมในการใช้ AI การปรับตัวของครู ผู้บริหาร และสถาบันการศึกษาเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สามารถใช้ AI เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนคุณภาพและสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น