การจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570

 



การประชุมทบทวนและรับฟังความคิดเห็นต่อแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ฉบับทบทวนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 และการจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570


วัน/เวลา: (ไม่ได้ระบุวันที่เฉพาะเจาะจงในแหล่งที่มา แต่ระบุว่าเป็นการประชุม 2 วัน)

สถานที่: อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น

ผู้เข้าร่วมประชุม: ผู้รับผิดชอบการจัดทำแผนงานโครงการจากส่วนราชการ, ผู้แทนภาคเอกชน, ภาคประชาสังคม, และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจาก 4 จังหวัด (ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สารคาม) คณะวิทยากรจากสำนักงบประมาณเขต 8, สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (สภาพัฒน์), สถาบันวิจัยยุทธศาสตร์และประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, และสำนักงานจังหวัดในกลุ่มจังหวัด


เนื้อหาการประชุม:


การประชุมเชิงปฏิบัติการนี้จัดขึ้นเพื่อทบทวนและรับฟังความคิดเห็นต่อแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ปี 2566-2570 และเพื่อจัดทำโครงการภายใต้แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดประจำปีงบประมาณ 2570


1. ภาพรวมการทบทวนแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด (นำเสนอโดย สถาบันวิจัยยุทธศาสตร์และประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น)


   วัตถุประสงค์ของการประชุม: เพื่อให้การทำแผนงานพัฒนาของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดมีความแม่นยำยิ่งขึ้น ปรับเปลี่ยนน้อยลง และสอดคล้องสัมพันธ์กัน ตลอดจนทบทวนแผนพัฒนาในอดีต (ปี 2566-2569) เพื่อประเมินผลที่ผ่านมา และกำหนดทิศทางการพัฒนาในอนาคต

   ช่วงเวลาการทบทวนแผน: การทบทวนแผนจะเริ่มต้นด้วยแผนปัจจุบัน (ปี 2566-2570) ปี 2571 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการพัฒนา

   โอกาสในการพัฒนา: มีโอกาสมากสำหรับการทำแผน 10 ปีของกลุ่มจังหวัด รวมถึงการทำแผน จ.3 หรือ กจ.3 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ที่จะสามารถขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการขนาดใหญ่จากกระทรวงและกรมได้มากขึ้น

   ภาพรวมการพัฒนา 4 ปีที่ผ่านมา: มีการทบทวนสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว อะไรที่ควรทำต่อ ควรเลิกทำ หรือควรทำให้มากขึ้น

       เป้าหมายการพัฒนาหลัก: "เติบโตด้วยเศรษฐกิจแห่งอนาคต สังคมเป็นสุข สิ่งแวดล้อมยั่งยืน" ซึ่งเป็น 3 ด้านหลักที่วางรูปแบบการพัฒนาไว้

       ประเด็นการพัฒนา 4 ด้าน:

        1.  เกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร (เศรษฐกิจชีวภาพ): เป็นด้านที่ 1 ที่ต้องขับเคลื่อน

        2.  การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว: เป็นเศรษฐกิจแห่งอนาคตและเป้าหมายหลัก

        3.  สิ่งแวดล้อม:

        4.  สังคม:

       ตัวชี้วัดความสำเร็จ (ปี 2570):

           การขยายตัวผลิตภัณฑ์ภาคการเกษตรของกลุ่มจังหวัดต้องโตขึ้น ร้อยละ 2 ต่อปี

           การขยายตัวภาคอุตสาหกรรม ร้อยละ 3 ต่อปี และรายได้การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7 ต่อปี

           พื้นที่ป่าไม้ต้องเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.05 ต่อปี

           ดัชนีความก้าวหน้าของคน (HAI) เพิ่มขึ้น 0.02 ต่อปี

   ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและการจัดสรรงบประมาณ:

       ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา (2566-2569) มีโครงการพัฒนาทั้งหมด 102 โครงการ มูลค่า 4,150 ล้านบาท

       ประเด็นการพัฒนาที่ 1 (เกษตร) ได้รับ 16% (663 ล้านบาท)

       ประเด็นที่ 2 (การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว) ได้รับมากที่สุด 68% (กว่า 2,000 ล้านบาท) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการถนน

       ประเด็นที่ 3 (สิ่งแวดล้อม) ได้รับ 8% (300 กว่าล้านบาท)

       ประเด็นที่ 4 (สังคมและทรัพยากรมนุษย์) ได้รับ 8% (300 กว่าล้านบาท)

       ปัญหาเรื่องคุณภาพโครงการ: จากคำขอ 102 โครงการ มูลค่า 4,000 กว่าล้านบาท ได้รับจัดสรรเพียง 23 โครงการ มูลค่า 1,300 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าโครงการที่เสนอไปจำนวนมากถูกปัดตกเนื่องจากขาดคุณภาพ ความไม่พร้อม หรือไม่สอดคล้อง โดยเฉพาะประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่ได้รับงบประมาณเลยในปี 2566, 2567, 2568

   แนวคิดในการทำงานและการพัฒนาโครงการ:

       ต้องมุ่งเป้าหวังผลความเปลี่ยนแปลง

       ต้องวิเคราะห์ห่วงโซ่มูลค่า (Value Chain) และปัญหาที่แท้จริงในแต่ละจุดของห่วงโซ่ เช่น การปลูกผักปลอดภัย ต้องจัดการเรื่องกลุ่ม การจัดสรรผลประโยชน์ และการทำบัญชีแยกประเภท

       โครงการควรแม่นยำยิ่งขึ้น วางแผนเป็นสเต็ปที่ชัดเจน โดยระบุความเปลี่ยนแปลงที่ต้องการและวิธีวัดผลในแต่ละขั้นตอน

       ไม่ควรทำโครงการแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ โดยหวังผลที่เปลี่ยนไป เช่น การแจกพันธุ์วัสดุทางการเกษตรหรือการอบรมที่ไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจริง

       โครงการด้านการท่องเที่ยวควรเลือกหัวหอกสำคัญ เนื่องจากงบประมาณจำกัด และควรเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเป้าหมาย

       สิ่งแวดล้อมไม่ใช่แค่การอนุรักษ์ แต่ต้องสร้างคุณค่าและตอบสนองความต้องการของลูกค้า

       เรื่องคนกับเมืองเป็นหัวใจของการบริการและน่าอยู่ ควรแก้ไขปัญหาพื้นฐาน เช่น น้ำท่วมภัยแล้ง และพัฒนาทักษะแรงงานให้พร้อมสำหรับเศรษฐกิจแห่งอนาคต

       ทุกส่วนของแผนควรเชื่อมโยงกัน เกษตรสนับสนุนท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อมเป็นพื้นฐาน คนกับเมืองเป็นแรงขับเคลื่อน

       ควรมีการเชื่อมโยงความรู้และเทคโนโลยีจากมหาวิทยาลัยมาใช้ในการพัฒนา


2. หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำแผนตามแนวทางสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์)


คุณศาสิการ บุญคำ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษจากสภาพัฒน์ภาคอีสาน ได้นำเสนอหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำแผนที่สำคัญ


   กระบวนการพิจารณาโครงการ: ทีมบูรณาการกลาง (สภาพัฒน์, มหาดไทย, สำนักงบประมาณ) จะร่วมกันพิจารณาโครงการตามหลักเกณฑ์ ก่อนเสนอคณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการประจำภาคและคณะอนุกรรมการประจำภาค เพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.บ.) และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ

   การปรับปรุงหลักเกณฑ์ 5 เรื่องหลัก:

    1.  การจัดทำเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด 20 ปี: ยังคงเดิมในสาระสำคัญ แต่ปรับปรุงให้ชัดเจนขึ้นในส่วนของ Road Map และแผนการดำเนินงาน สามารถปรับปรุงได้ทุก 5 ปี โดยช่วงปี 2571-2575 จะต้องดำเนินการและจัดส่งภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2568

    2.  วัตถุประสงค์และทิศทางการพัฒนากลุ่มจังหวัดในอนาคต: เดิมเป็น 5 ปี ปรับเปลี่ยนเป็น 10 ปี (ปี 2571-2580) แบ่งเป็น 2 ช่วง (2571-2575 และ 2576-2580) โดยต้องกำหนดตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย และแผนงานโครงการสำคัญในแต่ละช่วง 5 ปีให้ชัดเจน สามารถปรับปรุงได้ทุก 5 ปี หรือหากยุทธศาสตร์ชาติ/แผนแม่บทเปลี่ยนแปลง ต้องส่งภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2568

    3.  หลักเกณฑ์การจัดทำแผนปี (แผน จ.2/กจ.2):

           ควรเสนอโครงการภายใต้สัดส่วน 60:40 (โครงการสำคัญ 60% และโครงการอื่นๆ ไม่น้อยกว่า 40%) เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนโครงการระหว่างปีได้ง่าย

           ลักษณะโครงการที่พึงประสงค์ (ที่ต้องการเห็น):

               มาจากความต้องการ ศักยภาพ และโอกาสของพื้นที่ และแสดงถึงการสนับสนุนวัตถุประสงค์/ทิศทางการพัฒนา

               มีการบูรณาการการดำเนินงานระหว่างหน่วยงาน

               มีความพร้อมในการดำเนินการ

               มีรายละเอียดรูปแบบ ข้อมูล เอกสารครบถ้วน และดำเนินการโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบตามกฎหมาย

               มีตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายที่สะท้อนผลสำเร็จได้จริง

               โครงการของกลุ่มจังหวัดควรให้จังหวัดหรือคนในกลุ่มจังหวัดได้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่แบ่งเขตทำ

               มีการจัดลำดับความสำคัญของโครงการ

               ระบุวัตถุประสงค์การทำถนนให้ชัดเจน (เพื่อเกษตร, เพื่อท่องเที่ยว, เพื่อโลจิสติกส์)

               โครงการสามารถทำได้มากกว่า 1 ปี แต่ต้องแสดงผลการดำเนินงานที่ชัดเจนในปีก่อนหน้า

           ลักษณะโครงการที่ไม่พึงประสงค์ (ที่ไม่ต้องการเห็น):

               การจัดซื้อครุภัณฑ์เพื่อแจกประชาชน (ยกเว้นเพื่อยกระดับทักษะ/ฝึกอบรม)

               ซ่อมแซมสาธารณูปโภค อาคารสถานที่ของหน่วยงาน

               ศึกษาดูงาน (ยกเว้นเพื่อส่งเสริมความมั่นคง, ใช้เทคโนโลยี/นวัตกรรมเพิ่มขีดความสามารถ)

               โครงการขนาดเล็กยิบย่อย ควรจัดกลุ่มโครงการให้เป็นโครงการใหญ่ที่มีกิจกรรมหลัก/รอง

               การเดินทางไปต่างประเทศ (ยกเว้นมีข้อผูกพันกับ ASIAN Plus 3 หรือเพื่อเจรจาการค้าการลงทุนที่มีผลกระทบสูง และต้องมีรายงานผลภายใน 45 วันหลังกลับ)

               โครงการที่ไม่แสดงผลลัพธ์หรือผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา เช่น การจัดงานอีเว้นท์ที่แค่วัดความพึงพอใจ แต่ไม่แสดง Economic Return หรือรายได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการ

               โครงการที่ซ้ำซ้อนกันระหว่างจังหวัดและกลุ่มจังหวัด

               โครงการที่ไม่มีเอกสารพร้อม

   เอกสารที่ต้องเตรียมในการจัดทำโครงการ:

       เอกสารพื้นฐาน: ฟอร์มข้อมูลโครงการ, ฟอร์มรายละเอียดจำแนกงบรายจ่าย

       เอกสารเฉพาะโครงการ (สำคัญมาก): เช่น แบบรูป ปร.4, ปร.5 สำหรับงานก่อสร้าง, การขออนุญาตใช้พื้นที่, MOU, QOR, กำหนดการจัดงาน, แผนการคัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย, T.O.R. สำหรับการตรวจสอบ GAP

       โครงการที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ไม่ต้อง แนบเอกสารความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดอีกต่อไป




   หลักการเขียนโครงการที่ดี:

       ชื่อโครงการ: สั้น กระชับ เข้าใจง่าย

       หลักการและเหตุผล: ชี้ให้เห็นความจำเป็นของโครงการ โดยมีข้อมูลสนับสนุน เช่น จำนวนผู้สูงอายุที่เป็นปัญหาจริง

       วัตถุประสงค์: ชัดเจนว่าต้องการพัฒนาอะไร และกลุ่มเป้าหมายจะได้รับอะไร

       ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย: สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และประเด็นการพัฒนากลุ่มจังหวัด เช่น หากต้องการเพิ่มรายได้เกษตรกร ตัวชี้วัดต้องไม่ใช่แค่ "เกษตรกรได้รับโปรตีนเพิ่มมากขึ้น"

       กลุ่มเป้าหมาย: ระบุชัดเจนว่าเป็นใคร และมีศักยภาพในการขับเคลื่อนโครงการอย่างไร

       วิธีการดำเนินงานและกิจกรรม: กำหนดให้ชัดเจนว่าทำอย่างไร ทำที่ไหน เมื่อไหร่ กับใคร โดยใคร

       ผลผลิต (Output) และผลลัพธ์ (Outcome): แยกให้ออก เช่น ผลผลิตคือ "ได้ถนน 1 เส้น" ผลลัพธ์คือ "ถนนช่วยให้เดินทางสะดวก ลดอุบัติเหตุ"

   กรอบการจัดสรรงบประมาณ (ปี 2570):

       งบพัฒนายังคงเดิมที่ 28,000 ล้านบาท

       สัดส่วนจังหวัด 70%, กลุ่มจังหวัด 30%

       คาดหวังให้เสนอโครงการไม่น้อยกว่า 1.5 เท่า แต่ไม่เกิน 2 เท่า ของวงเงินที่ได้รับจัดสรร

       โครงการสำคัญไม่น้อยกว่า 60% ของวงเงินที่เสนอขอรับจัดสรร และโครงการอื่นๆ ไม่เกิน 40%

       สำหรับภาคอีสานกลาง ปี 2570 มีกรอบการจัดสรรงบประมาณเบื้องต้นเพิ่มขึ้นจากปี 2569 ที่ 446 ล้านบาท

   โครงการแบบ จ.3/กจ.3 (โครงการขนาดใหญ่ที่ชี้เป้าให้กระทรวงและกรม):

       สามารถชี้เป้าสิ่งที่พื้นที่ต้องการไปยังกระทรวงและกรมได้

       ไม่จำกัดจำนวนโครงการ แต่ต้องจัดลำดับความสำคัญ

       ลักษณะโครงการที่พึงประสงค์:

           สนับสนุนวัตถุประสงค์การพัฒนาของกลุ่มจังหวัด และมีการวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า

           ดำเนินการโดยหน่วยงานที่มีภารกิจรับผิดชอบโดยตรงตามกฎหมาย

           ไม่ เป็นการปรับปรุงซ่อมแซม หรือก่อสร้างอาคารสถานที่ที่เป็นภารกิจปกติ

           ไม่ ควรเป็นโครงการขนาดเล็ก (ยกเว้นจำเป็นจริง ๆ) ควรเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จังหวัดทำเองไม่ได้

           สามารถเสนอขอโครงการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) ได้

           แสดงรายละเอียดโครงการ กิจกรรม และความพร้อมของโครงการ

   ผลการพัฒนาของกลุ่มจังหวัดภาคอีสานกลาง (อ้างอิงจากข้อมูลสภาพัฒน์):

       ดัชนีความก้าวหน้าของคน (HAI) ปี 2566: มีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และต่ำกว่าระดับประเทศ

           มิติที่ลดลง: ประชากรพิการเพิ่มขึ้น, การฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นมาก (จาก 8 เป็น 11.5 ต่อแสนคน), พัฒนาการสมวัยของเด็ก 0-5 ปีลดลง, คะแนนสอบ O-NET ของชั้นมัธยมปลายลดลง, ครัวเรือนที่ยังไม่มีทรัพย์สินเป็นของตัวเองเพิ่มขึ้น, พลังงานไฟฟ้าทดแทนลดลง, ปัญหามลพิษ, ครัวเรือนเดี่ยวและผู้สูงอายุอยู่ลำพังเพิ่มขึ้น, คดีทำร้ายร่างกาย/ประทุษร้ายเพิ่มขึ้น, ครัวเรือนที่มีสมาชิกในองค์กร/กลุ่มท้องถิ่นลดลง

           มิติที่เพิ่มขึ้น: ด้านการงาน (อัตราการว่างงานลดลง), เศรษฐกิจ (ผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัวและสัดส่วนประชากรยากจนดีขึ้น), การขนส่ง (ถนนเพิ่มขึ้น)

       ข้อเสนอโครงการปี 2569:

           เสนอขอโครงการในประเด็นการพัฒนาที่ 2 (เศรษฐกิจแห่งอนาคต: การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว) มากที่สุดถึง 80% ซึ่งถูกต้องตามทิศทางที่ต้องการ Boost Up ภาคอุตสาหกรรมและบริการที่ยังอยู่ในภาวะวิกฤต

           เสนอขอโครงการด้านเกษตรเป็นลำดับที่ 2

           ข้อเสนอโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม (ประเด็นที่ 3 และ 4) มีสัดส่วนน้อยที่สุด เพียง 1% กว่า

           โครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปี 2569 (รวม 435 ล้านบาท) ส่วนใหญ่เป็น โครงการถนน (เกือบทั้งหมด) รองลงมาคือเกษตรแปรรูป และการจัดงานมหกรรมอีเว้นท์ ไม่มีโครงการด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้รับจัดสรรเลย


3. ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากผู้เข้าร่วมประชุม


อาจารย์ชัยพล ชัยคมิน และอาจารย์เกียรติศักดิ์ ภูโสม ได้ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาและความท้าทายต่างๆ:


   งาน ThaiFex: กาฬสินธุ์มีสินค้าเกษตรโดดเด่นหลายรายการ เช่น เฟปมิ้นท์มะนาว ข้าว ปลาร้า ซึ่งเป็นโอกาสที่ดี

   ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง: ส่งผลให้พืชผลการเกษตรราคาตกต่ำและผลผลิตลดลง รวมถึงปัญหามลพิษน้ำเสีย

   การวิจัยและพัฒนา: ควรมีการวิจัยเพิ่มเติมในเรื่องวัตถุดิบและอาหารสัตว์ทางเลือก เช่น ใบมันสำปะหลังสำหรับเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจ (จิ้งหรีด)

   กลุ่มเปราะบาง/ผู้สูงอายุ: แม้จะมีตัวเลขชัดเจน แต่การเขียนโครงการด้านสังคมและการศึกษาทำได้ยาก ซึ่งรวมถึงปัญหาเด็กออกนอกระบบการศึกษา (Drop Out) และคะแนน O-NET ที่ต่ำ

   การมีส่วนร่วมของเยาวชน: ควรส่งเสริมให้เด็กเยาวชนมีส่วนร่วมในการปกป้องและหวงแหนบ้านเกิด

   ปัญหาเรื่องน้ำ: แม้มีเขื่อนและน้ำมาก แต่ราคาข้าวตกต่ำ


4. สรุปและกำหนดการสำคัญ


   เป้าหมาย ประเด็นการพัฒนา และตัวชี้วัดของกลุ่มจังหวัด (ปี 2566-2570) จะคงเดิมสำหรับปีสุดท้าย

   กำหนดการสำคัญที่ต้องจดจำ:

       31 กรกฎาคม 2568: ส่งแผนปฏิบัติราชการประจำปี 2570 (แผนปี 70)

       31 ตุลาคม 2568: ส่งวัตถุประสงค์และทิศทางการพัฒนาในอนาคต 10 ปีของกลุ่มจังหวัด

   ผู้ที่เข้าร่วมประชุมสามารถปรับรายละเอียดโครงการและส่งกลับให้กลุ่มจังหวัดได้เลยหลังการประชุม


5. พิธีเปิดการประชุม


เวลา: (ไม่ระบุชัดเจน แต่เกิดขึ้นในช่วงท้ายของการประชุมภาคเช้า)

ประธานในพิธี: ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น (ท่านศิริวัฒน์ พิมลพันธุ์)

ผู้กล่าวรายงาน: คุณกฤษนันท์ ร่วมรายการโงงานบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดภาคเสนตอนกลาง


   วัตถุประสงค์การจัดงาน: เพื่อทบทวนและรับฟังความคิดเห็นต่อแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ปี 2566-2570 และเพื่อจัดทำโครงการภายใต้แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดประจำปีงบประมาณ 2570 และศึกษาดูงานพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง

   ข้อคิดเห็นและนโยบายจากท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น:

       งบประมาณของกลุ่มจังหวัดและจังหวัดควรใช้สำหรับโครงการริเริ่มใหม่ๆ ที่ฟังก์ชันงานประจำของกระทรวงและกรมไม่ได้ให้ความสำคัญ

       โครงการควรมีความเชื่อมโยงและบูรณาการกันระหว่างจังหวัดในกลุ่ม

       ตัวอย่างการพัฒนา เช่น ศิลปะวัฒนธรรม (ร้อยแก่นสารศิลป์, หมอลำ, อาหาร) หรือการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ (ไดโนเสาร์)

       แม้ว่าบางจังหวัดจะไม่มีธรรมชาติ สามารถพัฒนา Man-made Destination ได้ แต่ต้องคำนึงถึงงบประมาณที่จำกัด

       งบประมาณกลุ่มจังหวัดอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท ควรทำโครงการไปประมาณ 2 เท่า เพื่อให้มีโครงการสำรองหากโครงการหลักมีปัญหา

       เป็นกำลังใจให้ทุกท่านในการให้ข้อเสนอแนะและจัดทำแผน โดยเน้นย้ำว่าหากโครงการไม่ได้รับการจัดสรร ก็ไม่ต้องเสียใจ และสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ในปีถัดไป


การประชุมช่วงบ่ายจะมีการแบ่งกลุ่ม 4 กลุ่มเพื่อจัดทำโครงการ โดยมีทีมวิทยากรจากสำนักงบประมาณเขต 8 มาให้คำแนะนำในการเขียนโครงการให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และมีโอกาสได้รับการจัดสรรงบประมาณ ผู้เข้าร่วมประชุมออนไลน์และผู้สนใจสามารถส่งโครงการมายังสำนักงานจังหวัดในพื้นที่ได้


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การประชุมสรุปผลการสัมมนาโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย

เทศกาลอาหารอีสานขอนแก่น 2568

KhonKaen NEXT ดีเบต 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น