แนวคิดหลักในการขยายธุรกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืน โดย ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์



แนวคิดหลักในการขยายธุรกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืน

เป็นการบรรยายที่เน้นย้ำถึงแนวคิดและปัจจัยสำคัญสำหรับการเติบโตและขยายธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการ SME และผู้ที่ต้องการลงทุนในธุรกิจ เนื้อหาสรุปได้เป็นประเด็นหลักดังนี้:

1. Growth Mindset และ Vision ที่ยิ่งใหญ่

ความสำคัญของความฝัน: ผู้บรรยายเน้นย้ำว่า "ความฝันของเจ้าของกิจการเนี่ยมันมันเล็กเกินไปสำหรับนักลงทุนที่จะไปลงทุน" และ "ความฝันที่ใหญ่จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องที่สำคัญนะอันดับต้นๆเลย" วิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการเติบโตของทั้งองค์กร และเป็นแรงดึงดูดให้คนเก่งๆ มาร่วมงานด้วย

การกำหนดเป้าหมายที่ทะเยอทะยาน: หากเจ้าของมีความฝันเล็ก ธุรกิจก็จะเล็กตามไปด้วย ทีมงานก็จะมีวิสัยทัศน์และภารกิจที่จำกัด การคิดใหญ่และคิดที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ แม้แต่บริษัทใหญ่อย่าง Open AI หรือ Nvidia ก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

2. Fail Fast, Fail Often (ล้มเร็ว, ล้มบ่อย)

เรียนรู้จากการทดลอง: แนวคิดคือการ "ล้มเร็วๆ ล้มบ่อยๆ" เพื่อให้เก่งขึ้นและเรียนรู้จากความผิดพลาด เหมือนกับการหัดปั่นจักรยานที่ต้องล้มก่อนถึงจะปั่นเป็น

ทดลองด้วยงบประมาณจำกัด (Test Best): การทำ "Test Best ที่แบบล้มแล้วไม่มีใครเจ็บตัวไม่มีใครตาย" เป็นสิ่งสำคัญ ผู้บรรยายยกตัวอย่างการเปิดร้านกาแฟด้วยเงินลงทุน 10 ล้านบาท ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเจ๊งภายใน 5 ปี หากไม่มีประสบการณ์ ควรเริ่มต้นด้วยขนาดเล็ก เช่น รถเข็น หรือร้านเล็กๆ ด้วยเงิน 1 ล้านบาท เพื่อเรียนรู้และพัฒนา

การเรียนรู้จากการลงมือทำจริง: แทนที่จะส่งพนักงานไปเรียนโฆษณาด้วยเงิน 30,000 บาท แล้วกลับมายิงแอด พนักงานควรลองยิงแอดด้วยงบประมาณวันละ 1,000 บาท ด้วยเพจจริง ลูกค้าจริง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาทักษะจริงตลอด 30 วัน "มันจะโง่ได้สักกี่ครั้งมันก็ต้องมีพัฒนาขึ้นบ้าง 30 ครั้ง"

การสร้างความมั่นใจ: การทดลองและเรียนรู้จากความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ อย่างต่อเนื่อง จะช่วยสร้าง "License to fail" และเพิ่มความมั่นใจให้กับทั้งเจ้าของและพนักงาน "มันทำเพื่อตัวเราเองหรือตัวพนักงานเราเอง"

3. การทำธุรกิจแบบ Scale (ไม่ทำเองทั้งหมด)

การจ้างผู้เชี่ยวชาญ: ผู้บรรยายเน้นว่า "เจ้าของต้องมีความเข้าใจว่าเราจะไม่ทำอะไรเองเลย" การสร้างธุรกิจให้เติบโตนั้น ไม่ใช่การทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่คือการหาคนเก่งๆ มาทำงานแทน "เราก็จ่ายเงินมาจ่ายคนเหล่านั้น"

การมอบหมายงานและการสร้างระบบ: เมื่อมีวิสัยทัศน์ที่ใหญ่พอ คนเก่งจะอยากเดินตาม และเมื่อคนเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนให้ทดลองและเรียนรู้ (ตามข้อ 2) พวกเขาก็จะเก่งขึ้นและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การสร้างธุรกิจที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าของ: ยกตัวอย่างเช่น Jack Ma ไม่ได้เขียนโค้ด Alibaba เอง Elon Musk ไม่ได้สร้างจรวด Space X หรือรถ Tesla เอง การที่เจ้าของไม่ทำเองจะทำให้ธุรกิจสามารถขยายได้โดยไม่ติดอยู่กับข้อจำกัดของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

4. การตั้งเป้าหมายและวัดผล (Data Driven)

การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง: การรู้ตัวเลขทางการเงินของคู่แข่งในตลาดเป็นสิ่งสำคัญมาก "เราก็ไปดูเขามีเขามีเรียกว่า PE ใช่ไหมครับ" เพื่อประเมินมูลค่าบริษัทของตนเอง "อย่างน้อยเราจะได้รู้มูลค่าบริษัทเนาะ"

การวิเคราะห์ข้อมูลสาธารณะ: บริษัทในตลาดหลักทรัพย์มักจะเปิดเผยข้อมูลอย่างละเอียดใน Annual Report ซึ่งสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อหาค่าเฉลี่ยต่อสาขา ยอดขาย หรือโครงสร้างต้นทุนได้ "แทบจะแก้ผ้าโชว์อยู่เท่ากับปีหน้าจะเปิดกี่สาขาฆ่าคนดูได้ทุกบรรทัด"

การใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ: การมีข้อมูลที่ชัดเจนจะช่วยให้สามารถตั้งเป้าหมายที่สมเหตุสมผล และเห็นภาพรวมของการเติบโตได้ชัดเจนขึ้น

5. โอกาสในการเติบโตในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี

ดึงดูดคนเก่ง: "บริษัทใหญ่ๆบางทีเนี่ยเขาลดคนคนเก่งๆที่เราเคยหาไม่ได้ก็มีหลุดออกมาในตลาด" เป็นโอกาสที่ SME จะได้คนเก่งๆ มาร่วมงาน

ความต้องการสินค้าและบริการราคาถูกกว่า: "คนซูมเมอร์เนี่ยผู้ใช้จ่ายตัวเลขอะไรทางเลือกใหม่ๆที่คุณภาพอาจจะแข่งกันแต่ราคาถูกกว่าก็จะเป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ใหม่ๆ"

Innovation: "Innovation ได้แต่มันก็ต้องลงทำขึ้นมาหรือบางทีมันอาจจะเป็นเรื่องแบบมันอาจจะเป็นเรื่องแบบนี้แบรนด์อ่ะแบรนด์ก็อาจจะจำได้" การสร้างสรรค์นวัตกรรมไม่จำเป็นต้องเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เสมอไป อาจเป็นวิธีการทำธุรกิจ รูปแบบการหารายได้ หรือช่องทางการขายใหม่ๆ เช่น โมเดลของสุกี้ตี๋น้อยที่ทำกำไรจากตลาดบุฟเฟต์ด้วยการคำนวณและบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ

6. การระดมทุนเพื่อ Scale Up

เงินทุนขับเคลื่อนการเติบโต: การระดมทุนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเร่งการเติบโต "คนมันต้องระดมทุนกันเพราะว่า10 เท่าในเวลา 4-5 ปีมันก็น่าจะเยอะ" หากธุรกิจมีศักยภาพในการเติบโตสูง นักลงทุนก็พร้อมที่จะเข้ามาลงทุน

การประเมินมูลค่าบริษัท: การเข้าใจมูลค่าบริษัทของตนเองเป็นสิ่งสำคัญในการเจรจากับนักลงทุน "มันก็ต้องคิดมาจากมูลค่าบริษัทแล้วถามว่าเราเราตีมูลค่าบริษัทเรายังไง"

การแยกหมวกเจ้าของและผู้บริหาร: สำหรับธุรกิจครอบครัว การแยกบทบาทระหว่างเจ้าของ (ผู้ถือหุ้น) และผู้บริหารออกจากกันจะช่วยให้สามารถจ้างมืออาชีพมาบริหารได้ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถ Scale ได้อย่างยั่งยืน

7. Balance ในชีวิต (5 แกนชีวิต)

สุขภาพและความสุข: นอกจากเรื่องงานและเงินแล้ว ผู้บรรยายยังเน้นถึงความสำคัญของ "สุขภาพของนักลงทุนเรานักงานเรา" และ "ความสุขของตัวเอง" การมีสมดุลในชีวิตจะช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

โดยสรุปแล้ว การบรรยายนี้ให้กรอบความคิดที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจ โดยเน้นที่การมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล การกล้าทดลองและเรียนรู้จากความผิดพลาด การสร้างทีมงานที่แข็งแกร่งและระบบที่รองรับการเติบโต การใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ และการบริหารจัดการชีวิตส่วนตัวให้สมดุลไปพร้อมกัน.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การประชุมสรุปผลการสัมมนาโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย

เทศกาลอาหารอีสานขอนแก่น 2568

KhonKaen NEXT ดีเบต 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น