การใช้โดรนเพื่อการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ชายแดน

 สรุปข้อมูลการบรรยายเรื่องการใช้โดรนเพื่อการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ชายแดน

เอกสารฉบับนี้เป็นการสรุปเนื้อหาสำคัญจากการบรรยายเกี่ยวกับการใช้โดรนเพื่อการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ชายแดน โดยมุ่งเน้นที่ประเด็นภัยคุกคามจากโดรนที่ไม่หวังดี และมาตรการป้องกันสำหรับชุมชนในจังหวัดขอนแก่น



1. สถานการณ์ปัจจุบันและที่มาของมาตรการ

ภัยคุกคามจากโดรน: หลังการประกาศหยุดยิงเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม มีการตรวจพบการใช้ "อากาศยานไร้คนขับ" หรือ "โดรน" เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบินในพื้นที่ตอนใน ไม่ใช่แค่บริเวณชายแดนเท่านั้น

วัตถุประสงค์ที่ไม่หวังดี: มีความกังวลว่าโดรนเหล่านี้อาจถูกใช้เพื่อการสอดแนม เก็บข้อมูล หรือแม้กระทั่งการโจมตี เนื่องจาก "โดรนทางทหารบินได้ไกลกว่าที่คิด ศักยภาพไกลกว่าที่คิด เกินกว่าที่เราคิด เทคโนโลยีเราคาดไม่ถึง" และ "กลางคืนเนี่ยไม่มีโดนเกษตร ไม่มีโดนถ่ายภาพบินหรอกครับ มีแต่โดนเข้ามา ก่อการร้าย"

ตัวอย่างการตรวจพบ: มีการตรวจพบโดรนบินในพื้นที่สำคัญ เช่น กองทัพภาคที่ 2 นครราชสีมา และในหลายจังหวัดตอนในของภาคอีสาน แสดงให้เห็นถึงภัยคุกคามที่เข้ามาใกล้ตัว

คำสั่งจากผู้บัญชาการ: ท่านแม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ดูแลรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่สำคัญ เพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากอากาศยานไร้คนขับ

แผนป้องกันจังหวัดขอนแก่น: ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดขอนแก่น ได้มีดำริให้จัดทำแผนป้องกันอาคารสถานที่และพื้นที่สำคัญของจังหวัด

เป้าหมายการประชุม: เพื่อให้ผู้นำชุมชนในอำเภอเมืองขอนแก่น ซึ่งเป็นอำเภอแรกที่ได้รับข้อมูลนี้ ได้รับทราบข้อมูลและแนวทางการปฏิบัติโดยตรง ไม่ใช่ผ่านการถ่ายทอดต่อกันมา

2. ลักษณะและประเภทของโดรน

โดรนมีหลากหลายขนาด: ตั้งแต่ "ใหญ่เท่าเครื่องบิน" ไปจนถึง "เล็กที่สุดขนาดฝ่ามือ"

การควบคุม: ถูกบังคับโดยไม่มีคนอยู่บนเครื่อง

สองหน้าที่หลัก:โดรนพาณิชย์: ใช้เพื่อการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ พ่นยา หรือส่งของ ต้องขึ้นทะเบียนกับสำนักงาน กสทช. และสำนักงานการบินพลเรือน โดรนพาณิชย์ส่วนใหญ่ "ไม่ค่อยมีใครบินกลางคืน"

โดรนทหาร: ใช้เพื่อการสอดแนม มีกล้องที่มีความละเอียดสูงมาก สามารถซูมได้ถึงระดับระบุตัวบุคคลและมองเห็นในเวลากลางคืนได้ เนื่องจากเป็นยุทธภัณฑ์จึงสามารถบินในเวลากลางคืนได้ และ "ส่วนใหญ่มันจะบิดกลางคืนกับกลางวัน"

ลักษณะทางกายภาพ:ใบพัด: โดรนมีใบพัดตั้งแต่ 4-8 ใบพัด ทำให้มีเสียงดัง

รูปแบบการเคลื่อนที่: โดรนส่วนใหญ่จะขึ้นในแนวดิ่งแล้วเคลื่อนที่ในแนวตรงไปข้างหน้า ไม่ได้เฉียงเหมือนจรวด "ถ้าอะไรมีรูปร่างแบบจรวดเนี่ยไม่ใช่โดนเป็นเครื่องบิน"

ระยะการบิน: โดรนพาณิชย์บินได้ไกลประมาณ 6 กม. แต่บินได้เพียง 30 นาทีต่อครั้ง ส่วนโดรนทางทหารมีศักยภาพที่ไกลกว่ามาก

ข้อสังเกตโดรนฝ่ายตรงข้าม (กัมพูชา): มีการนำเสนอภาพโดรนรุ่นต่างๆ ที่กัมพูชามีใช้ ได้แก่ CS92A, CW40 ซึ่งมีลักษณะคล้ายเครื่องบินตรวจการณ์หรือใช้ในรูปแบบการรบ

3. วิธีการสังเกตโดรน

ช่วงเวลากลางวัน: "กลางวันเนี่ยสังเกตง่ายมาก" โดยการได้ยินเสียงและเห็นตัวโดรนอยู่บนฟ้า

ช่วงเวลากลางคืน (สังเกตยากกว่า):แสงไฟ: "ไฟของโดนเนี่ยมันมักจะ ไม่กระพริบ จะติดคงที่ ถ้ามันกระพริบมันก็ จะ พลบ กระพริบเป็นจังหวะเหมือนไฟเลี้ยวรถยนต์" แตกต่างจากไฟของเครื่องบินที่จะกระพริบ "ระยิบระยับ" และไม่คงที่

เสียง: โดรนจะมีเสียง "อือ" หรือ "วู้ๆ" ซึ่งจะเบากว่าเฮลิคอปเตอร์ แต่ดังกว่าเสียงเครื่องบินที่อยู่บนฟ้า

การเคลื่อนที่: "โดนจะเคลื่อนที่เร็วกว่า" สิ่งอื่นบนท้องฟ้า และสามารถ "บินถอยหลังได้" ซึ่งเครื่องบินปกติทำไม่ได้ "ถ้าท่านไม่แน่ใจว่ามันเคลื่อนที่หรือเปล่าคือมองมันดูไม่ค่อยออก อันนั้นไม่ ใช่โดน"

มองเห็น: หากเห็น "เป็นก้อนลอยไปลอยมา" และไม่เห็นปีก มีแนวโน้มสูงว่าเป็นโดรน

เครื่องมือช่วย: สามารถใช้แอปพลิเคชัน "Flight Radar" (FLIGHT RADAR) เพื่อตรวจสอบว่ามีเครื่องบินพาณิชย์บินอยู่เหนือศีรษะหรือไม่ ถ้าไม่มีปรากฏในแอปแต่เห็นวัตถุบินได้ แสดงว่าเป็นโดรน

ตำแหน่งผู้ควบคุม: "คนปล่อย เนี่ยจะอยู่ ที่โล่งๆ จะอยู่ตามโรงเรียน อยู่ตามถนน" หรือทุ่งนา ไม่นิยมปล่อยในป่าเพราะมองเห็นยาก และมักจะอยู่ห่างจากผู้คน



4. การป้องกันและรับมือกับโดรน

มาตรการเบื้องต้นสำหรับประชาชน/ชุมชน:การยิงทำลาย (เมื่อได้รับอนุญาต): หากพบเห็นโดรนที่ไม่ได้รับอนุญาต "สามารถยิงทำลายได้เลย" โดยเฉพาะช่วงที่ประกาศห้ามบินทุกชนิด (แต่ต้องประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ)

อาวุธปืนลูกซอง: "ลูกซองยิงโลด แต่ มันไม่ถึง ถ้ามันต่ำเนี่ยต้องจัด การ เอาลง แบบนั้น"

หนังสติ๊ก: ใช้หนังสติ๊กยิง "หัวน็อต" ที่ร้อยเชือกยาว 2-3 เมตร "เชือกมันจะเป็นเป็นหางลากไปเหมือน เหมือน เหมือนดาวตกอ่ะ ไอ้หางมันนี่แหละครับอย่างดีเลยครับ พัน พันกับใบพัดครับ แล้วร่วง"

การใช้ลูกโป่ง: "ปล่อยลูกโป่งขึ้นไปสูงๆ โดนมันกลัวลูก โป่ง กลัวแห" หรือใช้สายเบ็ดเกี่ยว "โดนมันจะเกี่ยว เอง พวกนี้มันจะเกี่ยว" ถือเป็นวิธีที่ง่ายและต้นทุนต่ำ

การแจ้งเบาะแส: หากพบ "คนแปลกหน้า" โดยเฉพาะ "ชาวกัมพูชา" หรือบุคคลน่าสงสัยที่เกี่ยวข้องกับโดรน ให้ตั้งข้อสังเกตและแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ผ่านสายด่วน 1374 (ของ กอ.รมน.) หรือ 191 (ตำรวจ)

ไม่สร้างคอนเทนต์: การถ่ายรูปหรือไลฟ์สดสถานที่สำคัญอาจทำให้โดรนสามารถ "ดูพิกัดเราได้" ผ่านสัญญาณโทรศัพท์ ดังนั้นจึงไม่ควรทำ

การจัดชุดเฝ้าระวัง: ผู้นำชุมชนควรสำรวจความพร้อมของชุมชนในการดูแลป้องกันตนเอง อาจมีการจัดตั้ง "ชุดเฝ้าระวังหมู่บ้าน" หรือ "ชุดเคลื่อนที่เร็ว" เพื่อลาดตระเวนและรับแจ้งเหตุ

เทคโนโลยีต่อต้านโดรน (ระดับกองทัพ/หน่วยงาน):นกนักล่า (Birds of Prey): ใช้นกอินทรีที่ถูกฝึกมาเพื่อไล่ล่าโดรน โดยใช้ปีกใหญ่และกรงเล็บจับโดรนลงมา แต่มีข้อกังวลเรื่องอันตรายจากใบพัดหรือโดรนติดระเบิด

โดรนจับโดรน (Drone Capture): พัฒนาโดย DeFENCE Dynamics ใช้โดรนหลายใบพัดที่มีตาข่ายเพื่อจับโดรนเป้าหมายโดยเกิดความเสียหาย น้อยที่สุด เหมาะสำหรับการเก็บหลักฐานและหลีกเลี่ยงความเสียหายจากการตกในชุมชน

รั้วล่องหน (Sky Fence): ติดตั้งตามแนวรั้วเพื่อสร้างรั้วอิเล็กทรอนิกส์ที่มองไม่เห็นในอากาศ ป้องกันโดรนบินผ่าน โดยการรบกวนสัญญาณวิทยุ มุ่งเป้าไปที่โดรนพาณิชย์

ปืนต่อต้านโดรน (Drone Gun): ออกแบบมาคล้ายปืนไรเฟิล ใช้เสาอากาศกำหนดทิศทางสูงส่งคลื่นรบกวนกำลังสูงไปยังโดรน เพื่อตัดสัญญาณควบคุมและทำให้โดรนหลุดจากการควบคุม มีระยะโจมตี 2.5-3 กม.

การแฮกโดรน (Drone Hacking): แย่งการควบคุมโดรนมาจากการครอบครองของเจ้าของ โดยการถอดรหัสสัญญาณ เลียนแบบสัญญาณ หรือปลอมแปลงพิกัด GPS

เลเซอร์ทำลายโดรน (Dead Ray Laser Antidrone): ใช้เลเซอร์กำลังสูง (10 กิโลวัตต์) ทำลายปีก แพนหาง หรือเซ็นเซอร์นำทางของโดรนจากระยะไกล ทำงานร่วมกับเรดาร์และ AI

โดรนโดม (Drone Dome): ระบบที่ออกแบบมาเพื่อสกัดกั้นโดรนและ UAV เพดานบินต่ำจำนวนมาก มีเรดาร์ตรวจจับ 360 องศา ระบบรบกวนสัญญาณ (jamming) และระบบเลเซอร์กำลังสูง

สกายชิลด์ (SkyShield): ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์เชิงรุกทางอากาศขั้นสูง สำหรับเครื่องบินรบ ทำหน้าที่รบกวนคลื่นสัญญาณและโจมตีระบบควบคุมโดรน รวมถึงเรดาร์ศัตรู

ปืนกลต่อต้านโดรน (Anti-Drone Gun): การใช้ปืนกลประสิทธิภาพสูงร่วมกับเรดาร์และ AI ในการติดตามและยิงทำลายโดรนหลายเป้าหมายพร้อมกันอัตโนมัติ



5. ข้อกำหนดและบทลงโทษ

ประกาศห้ามบินโดรน: จังหวัดได้ออกประกาศ "ห้ามบินโดรน" โดยเด็ดขาด

ข้อยกเว้นสำหรับโดรนการเกษตร: สามารถบินได้ระหว่างเวลา 06:00 - 18:00 น. เท่านั้น แต่ "ต้องขออนุญาต" ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร และบินได้เฉพาะในพื้นที่เกษตรของตนเองเท่านั้น รวมถึง "แจ้งการบินอย่างน้อยล่วงหน้า 12 ชั่วโมง"

บทลงโทษ:ทำผิดกฎหมายทั่วไป: "จำคุก 1 ปี แล้วก็ปรับ 40,000 บาท"

เป็นสายลับ/สปาย: "อาจจะสูงถึงขั้นประหารชีวิต"

6. ข้อเสนอแนะและข้อเน้นย้ำสำหรับผู้นำชุมชน

เน้นย้ำการสังเกตคนแปลกหน้า: โดยเฉพาะชาวต่างชาติ และชาวกัมพูชา หากพบให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

สำรวจความพร้อมของชุมชน: ในการป้องกันตนเองและจัดชุดเฝ้าระวัง/เคลื่อนที่เร็ว

นำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์: สังเกตสิ่งผิดปกติบนท้องฟ้า และสามารถดำเนินการต่อต้านเบื้องต้นได้

เป้าหมายสูงสุด: "เราสกัดโดรนเนี่ยไม่เท่าไหร่ แต่ อยากจะจับตัวคนปล่อย ตรงเนี้ย สำคัญเลย"

ขั้นตอนการปฏิบัติ: "เฝ้าระวัง การลาดตระเวน การรับแจ้ง และการระงับเหตุ"

วิธีการพื้นบ้าน: หนังสติ๊กยิงลูกน็อตร้อยเชือก และการปล่อยลูกโป่ง เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลดีและใช้งบประมาณน้อย

สรุปได้ว่า จังหวัดขอนแก่นกำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากโดรนที่ไม่หวังดี และได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมโดยให้ความรู้แก่ผู้นำชุมชนและกำหนดมาตรการป้องกันต่างๆ โดยเน้นย้ำถึงความร่วมมือของประชาชนในการเฝ้าระวัง สังเกต และแจ้งเบาะแส เพื่อสร้างความมั่นคงในพื้นที่ของตนเอง.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การประชุมสรุปผลการสัมมนาโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย

เทศกาลอาหารอีสานขอนแก่น 2568

KhonKaen NEXT ดีเบต 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น