เส้นทางและแรงบันดาลใจสู่การเป็นนักวิทยาศาสตร์และอาจารย์ ศ.ดร.สุปรีดิ์ พินิจสุนทร
ศ.ดร.สุปรีดิ์ พินิจสุนทร เป็นอดีตนักเรียนทุน พสวท. รุ่นที่ 12 และศิษย์เก่าโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน ท่านสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวัสดุศาสตร์ จาก University of Oxford ปัจจุบันท่านได้รับรางวัลมากมาย และได้รับการคัดเลือกเข้าสู่หอเกียรติยศ พสวท.
เส้นทางและแรงบันดาลใจสู่การเป็นนักวิทยาศาสตร์และอาจารย์
ดร. สุปรีเติบโตในรั้วมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมีพ่อเป็นอาจารย์หมอและแม่เป็นพยาบาล ตั้งแต่เด็กท่านมีความใฝ่ฝันอยากทำงานในมหาวิทยาลัยขอนแก่นและเป็นอาจารย์ ท่านชื่นชอบวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะฟิสิกส์มาตั้งแต่เด็ก และเคยคิดอยากสร้างจรวดให้พ่อแม่ขึ้นไปดวงจันทร์ แม้พ่อจะเป็นหมอ แต่ท่านก็ไม่ได้อยากเป็นหมอ เพราะรู้สึกว่ามีหมอเยอะแล้วในละแวกบ้าน
ท่านรู้จักโครงการ พสวท. ตั้งแต่ ม.4 แต่ตัดสินใจเรียนต่อที่โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน เพราะติดเพื่อน และตั้งใจจะสอบเข้า พสวท. เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย แรงจูงใจในการเข้าโครงการคือความชื่นชอบวิทยาศาสตร์และโอกาสที่จะได้รับทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าเรียนปี 1 ในปี พ.ศ. 2541 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ทำให้ทุนการศึกษาต่อต่างประเทศถูกจำกัดลงอย่างมาก ท่านจึงไม่ได้ไปในครั้งแรก ท่านจึงเรียนต่อปริญญาตรีที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งท่านมองว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากและได้อยู่ใกล้บ้าน
ความปรารถนาที่จะศึกษาต่อต่างประเทศยังคงอยู่ ท่านจึงสอบชิงทุน พสวท. อีกครั้งเมื่ออยู่ปี 4 และได้รับทุนไปเรียนปริญญาโทและเอกที่ประเทศอังกฤษ โดยเรียนปริญญาโทสาขาวัสดุศาสตร์ที่ University of Sheffield และปริญญาเอกที่ University of Oxford หลังจากจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2551 ท่านได้กลับมาทำงานที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นตามที่ตั้งใจไว้
มุมมองต่ออาชีพและการทำงาน
ดร. สุปรีมองว่ายุคปัจจุบันมีอาชีพใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น ยูทูเบอร์ หรือ ติ๊กต็อกเกอร์ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ท่านท้าทายมุมมองเดิมที่ว่านักเรียนเก่งต้องเป็นหมอหรือทันตแพทย์เพื่อความมั่นคง ท่านเชื่อว่าหากเรา ชอบในสิ่งใดและทำสิ่งนั้นให้เก่งอย่างมาก จะมีงานรองรับ รายได้ดี และมีชื่อเสียงตามมา การทำงานด้วยความรักและความหลงใหล (passion) จะนำไปสู่ความสำเร็จและความสุข
สำหรับงานปัจจุบันของท่านในฐานะอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ ท่านมีหน้าที่หลักคือการสอนนักศึกษาและทำวิจัย ซึ่งท่านพบว่าเป็นงานที่สนุกและท้าทาย ท่านยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาค แต่กล่าวว่าไม่ได้อยากทำนัก ท่านมองว่างานที่ดีและมีความสุขควรมี 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่:
มีความท้าทาย ที่พอดี ไม่ยากหรือง่ายเกินไป เหมือนกับการเล่นเกม
มีอิสระในการตัดสินใจ ไม่ใช่งานประจำที่ทำซ้ำๆ เดิมๆ
ได้รับค่าตอบแทนที่คุ้มค่า กับแรงที่ลงไป
ท่านกล่าวว่างานในฐานะนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยตอบโจทย์ทั้งสามปัจจัยนี้ โดยมีรายได้ที่น่าพอใจและมีเวลาในการใช้ชีวิต
คำแนะนำสำหรับนักเรียน
การเลือกสายอาชีพ: ท่านแนะนำว่าผู้ที่ตอบคำถามเกี่ยวกับการเลือกเส้นทางชีวิตได้ดีที่สุดคือตัวเราเอง หากชอบวิทยาศาสตร์และรู้สึกว่านี่คือแพชชั่น ก็ควรเรียน ท่านเชื่อว่าจะมีงานทำอย่างแน่นอน แต่ไม่ว่าเลือกทางใดก็ควรตั้งใจทำสิ่งนั้นให้เก่งจริง ท่านย้ำว่าทุกคนสามารถ เก่งขึ้นได้ทุกวัน ผ่านการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การเก็บข้อมูลให้รอบด้านและลองทำสิ่งต่างๆ จะเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่า
โอกาสของทุน พสวท.: ท่านยืนยันว่านักเรียนทุน พสวท. มีงานรองรับอย่างแน่นอน หากมีความสามารถจริง โครงการ พสวท. ยังมีความยืดหยุ่นสูงในการชดใช้ทุน โดยมีหน่วยงานรองรับที่หลากหลาย รวมถึงภาคเอกชนบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย ท่านยกตัวอย่างนักวิจัยที่ต่อยอดงานวิจัยสู่การตั้งบริษัทสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จ เช่น บริษัทด้าน electronic nose หรือ stem cell
การสอน vs. การวิจัย: ในประเด็นที่นักเรียนสนใจการสอนแต่ไม่ชอบการวิจัย ท่านระบุว่าปัจจุบันในประเทศไทยสามารถขอตำแหน่งทางวิชาการ (ผู้ช่วยศาสตราจารย์, รองศาสตราจารย์, ศาสตราจารย์) ได้จากการมุ่งเน้นการสอนหรือการเขียนตำราที่ดีเยี่ยม หากสอนดี ก็จะมีโอกาสมากมาย เช่น โครงการโอลิมปิก หรือการออกข้อสอบ แต่สิ่งสำคัญคือต้อง เก่งจริง ไม่ว่าจะในด้านการสอนหรือการวิจัย
ทักษะสำคัญสำหรับอนาคต: ท่านเน้นย้ำว่าไม่ว่านักเรียนจะเลือกเป็นอาชีพใด ควรมี 3 ทักษะหลักดังนี้:
1. ตรรกะความคิดทางวิทยาศาสตร์: การคิดอย่างมีเหตุผลและเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยให้ประสบความสำเร็จในทุกเรื่อง
2. ทักษะการสื่อสาร: การถ่ายทอดความรู้และความคิดให้ผู้อื่นเข้าใจ ไม่ว่าจะด้วยการพูด การเขียน หรือการทำสื่อต่างๆ
3. ทักษะการบริหารการเงิน: การเริ่มต้นบริหารจัดการเงินตั้งแต่ยังอายุน้อยมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงในอนาคต แม้ว่าในวัยเยาว์อาจจะยังไม่เห็นความสำคัญก็ตาม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น