งานบรรยาย "Content for Change MBA KKU"



งานบรรยาย "Content for Change MBA KKU" เป็นส่วนหนึ่งของโครงการต่อเนื่องจากสโมสรโรตารีสาตภูมิ ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการสร้างความตระหนักรู้และป้องกันโรคไตในจังหวัดขอนแก่นและภาคอีสาน โดยร่วมมือกับ MBA มหาวิทยาลัยขอนแก่น นอกจากนี้ยังมีการให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างสรรค์คอนเทนต์เพื่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในยุคดิจิทัล


ธีมหลักที่ 1: สถานการณ์และผลกระทบของโรคไตในประเทศไทยและภาคอีสาน

ความรุนแรงของปัญหาโรคไต: โรคไตเป็นปัญหาสุขภาพที่รุนแรงและมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคอีสาน

ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังประมาณ 800-900 ล้านคน

ในประเทศไทย มีประชากรประมาณ 11 ล้านคนที่เป็นโรคไตเรื้อรัง คิดเป็น 17.5% ของประชากรทั้งหมด

ประมาณ 6 ล้านคนมีภาวะไตทำงานน้อยกว่า 60%

ประมาณ 1 ล้านคนต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต (ฟอกเลือด/ล้างไตทางช่องท้อง)

ประเทศไทยติดอันดับท้ายๆ ของโลกในอุบัติการณ์การเกิดโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย

สถานการณ์ในภาคอีสาน: ภาคอีสานมีสัดส่วนผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ

ปี 2566 มีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในภาคอีสานกว่า 500,000 คน คิดเป็น 34% ของทั้งประเทศ

อัตราการเสียชีวิตจากโรคไตในภาคอีสานเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่อง 5 ปี

จังหวัดมุกดาหารมีอัตราผู้ป่วยเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 48% (ปี 2559-2566)

จังหวัดขอนแก่นมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นประมาณ 20%

ค่าใช้จ่ายมหาศาล: การรักษาโรคไตมีค่าใช้จ่ายสูงมาก

การฟอกเลือดหรือล้างไต: ประมาณ 400,000 บาทต่อคนต่อปี

การปลูกถ่ายไต: ประมาณ 900,000 บาทในปีแรก และ 400,000 บาทในปีถัดไป (ผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องรอไตนานกว่า 5 ปี)

ผู้ป่วยไตระยะสุดท้าย 80% ต้องเข้าโรงพยาบาล และค่าใช้จ่ายสูงกว่าคนปกติ 2 เท่า

ค่าใช้จ่ายรวมที่กระทรวงสาธารณสุขแบกรับกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี

สาเหตุหลักของโรคไต:โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง (เป็นสาเหตุอันดับ 1 และ 2)

โรคที่ทำให้เกิดการอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ (เช่น นิ่ว, ต่อมลูกหมากโต)

โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE)

โรคเก๊าท์

โรคทางพันธุกรรม (เช่น ถุงน้ำในไต)

สารพิษจากสิ่งแวดล้อมและสมุนไพรบางชนิด (เช่น เถาวัลย์เปรียง สัมพันธ์กับมะเร็งไต)

พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม (เช่น การกลั้นปัสสาวะนานๆ)

การใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs ติดต่อกันนานๆ (Ibuprofen, Diclofenac) ทำให้เลือดไปเลี้ยงไตน้อยลง

การติดเชื้อในระบบต่างๆ ของร่างกาย (เช่น โควิด-19)

การป้องกันและการคัดกรอง: เน้นย้ำความสำคัญของการป้องกันมากกว่าการรักษา

กลุ่มเสี่ยงที่ควรคัดกรองโรคไตอย่างน้อยปีละครั้ง: ผู้ป่วยเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, โรคแพ้ภูมิตัวเอง, มีประวัติเป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะ, ผู้สูงอายุ (>60 ปี), โรคหลอดเลือดหัวใจ, ไตเดียว, โรคถุงน้ำในไต, มีประวัติไตวายเฉียบพลัน, ผู้ที่ได้รับยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs หรือสมุนไพรเป็นเวลานาน, มีประวัติโรคไตในครอบครัว





วิธีการคัดกรองเบื้องต้น:ตรวจเลือด (ค่าครีอะตินีน): คำนวณหาค่า GFR (อัตราการกรองของไต) หากต่ำกว่า 60 ควรตรวจซ้ำใน 3 เดือน

ตรวจปัสสาวะ (หาโปรตีนอัลบูมิน): ใช้แถบจุ่ม หากพบโปรตีนรั่ว (เกิน 30 มก./วัน) ควรตรวจซ้ำใน 3 เดือน

ตรวจหาเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ

การตรวจทางรังสี (Ultrasound ท้อง): เพื่อดูขนาดและโครงสร้างของไต

การดูแลและปรับพฤติกรรม:ควบคุมน้ำหนัก (BMI: 18.5-22.9): โรคอ้วนทำให้ไตทำงานหนักขึ้น

งดสูบบุหรี่: ทำให้ GFR ลดลง และโปรตีนรั่วในปัสสาวะเพิ่มขึ้น เร่งการเกิดไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและมะเร็ง

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: มากกว่า 150 นาทีต่อสัปดาห์ (เฉลี่ย 30 นาที 5 วัน/สัปดาห์)

ลดอาหารเค็ม/โซเดียม: ไม่เกิน 2 กรัมโซเดียมต่อวัน (เท่ากับเกลือแกง 1 ช้อนชา หรือน้ำปลา 3.5 ช้อนชา หรือผงชูรส 4 ช้อนชา)

ควบคุมปริมาณโปรตีน (สำหรับผู้ป่วยไตระยะ 3 ขึ้นไป): 0.6-0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว (เช่น น้ำหนัก 50 กก. กินโปรตีนไม่เกิน 40 กรัม/วัน หรือประมาณ 4 ช้อนโต๊ะต่อมื้อ)

ควบคุมโรคประจำตัว: เบาหวาน (A1C ไม่เกิน 6.5-7%), ความดันโลหิต (เป้าหมาย < 130/80 มม.ปรอท), ไขมัน (LDL < 100)

ดื่มน้ำให้เพียงพอ: อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน (ประมาณ 2 ลิตร) หากเสียเหงื่อมากควรดื่มเพิ่มเป็น 2.5-3 ลิตร

หลีกเลี่ยงยาแก้ปวด สมุนไพร และอาหารเสริมที่ไม่จำเป็น: อาจมีสารพิษหรือส่งผลกระทบต่อไต

สังเกตอาการผิดปกติ: บวม, ปวดศีรษะ, เหนื่อยง่าย, ซีด, ปัสสาวะน้อย/บ่อยตอนกลางคืน (เป็นสัญญาณสำคัญที่ควรไปพบแพทย์)

ธีมหลักที่ 2: การสร้างคอนเทนต์เพื่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและการตลาดดิจิทัล

ความสำคัญของคอนเทนต์ในยุคปัจจุบัน:โลกออนไลน์ขับเคลื่อนด้วยคอนเทนต์ (Content is King)

คอนเทนต์สามารถสร้างผลกระทบทางสังคม เปลี่ยนภาพลักษณ์แบรนด์ และสร้างอนาคตให้กับธุรกิจได้ (เช่น กรณี Bar B Q Plaza, โจร สลัด)

70% ของข้อมูลสุขภาพในโซเชียลมีเดียไม่เป็นความจริง จึงเป็นโอกาสและหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญ (โดยเฉพาะแพทย์) ในการสร้างคอนเทนต์ที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ

หมวดหมู่สุขภาพเป็นหมวดคอนเทนต์ที่เติบโตและได้รับความนิยมอย่างมากในแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น

การเปลี่ยนแปลงของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย:TikTok แซง YouTube เป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย (จำนวนผู้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน)

คนไทยดาวน์โหลดแอปตัดต่อวิดีโอ (CapCut) มากกว่าแอปธนาคารหรือช้อปปิ้ง แสดงว่าคนส่วนใหญ่มีทักษะการตัดต่อวิดีโอเบื้องต้น

การดูวิดีโอสั้นกลายเป็นเรื่องปกติในสังคม

หลักการสร้างวิดีโอสั้นที่มีประสิทธิภาพ (เน้น TikTok):การเตรียมงาน (Pre-Production) สำคัญที่สุด: วางแผนสคริปต์, สถานที่ถ่ายทำ, บุคคล, อุปกรณ์

สคริปต์: ไม่จำเป็นต้องเป็นบทพูดเต็มรูปแบบ แค่มีโครงเรื่อง (Outline) กำหนดจุดเริ่มต้น, จุดจบ, จุดไฮไลต์

คุณภาพของวิดีโอ:เสียงสำคัญกว่าภาพ: ต้องมั่นใจว่าเสียงชัดเจนและฟังรู้เรื่อง (ควรใช้ไมโครโฟนภายนอก)

อุปกรณ์เริ่มต้น: โทรศัพท์มือถือ + ไมโครโฟนไร้สาย (หรือแบบมีสายราคาประหยัด) + ขาตั้งกล้อง (Tripod) ก็เพียงพอ

มุมกล้อง (Visual Storytelling): ใช้ 3 มุม (Wide shot, Medium shot, Close-up) สลับกันเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ

เทคนิคการตัดต่อ:L-cut และ J-cut: ทำให้การเปลี่ยนฉากลื่นไหลและน่าสนใจมากขึ้น (ภาพก่อนเสียง/เสียงก่อนภาพ)

Cutting on action: ตัดต่อระหว่างการเคลื่อนไหวหรือการกระทำ ทำให้คลิปดูต่อเนื่องและสมูท

Match cut transition: การเปลี่ยนฉากที่ภาพหรือองค์ประกอบบางอย่างเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง (เทคนิคขั้นสูง)

การเล่าเรื่องในยุควิดีโอสั้น (Emerging Storytelling):นำไฮไลต์มาไว้ตอนแรก (Hook): เพื่อดึงดูดความสนใจภายใน 1.2 วินาทีแรก

ค่อยๆ ปูเรื่องราว และมีจุดดึงดูด (Highlight) สลับไปมา

จบด้วย Call to Action (CTA): กระตุ้นให้ผู้ชมมีส่วนร่วม (เช่น คอมเมนต์, แชร์)

การทำความเข้าใจ AI (Algorithm) เพื่อเพิ่มการมองเห็น:Facebook/IG (Social Graph): AI แนะนำเนื้อหาจากเพื่อน/คนที่ติดตาม (85%) และแนะนำโดย AI (15%)

YouTube/TikTok/Twitter (Recommendation Media): AI แนะนำเนื้อหาจากช่องที่เราไม่ได้ติดตามเป็นหลัก




TikTok: 85% ของคลิปที่เห็นมาจากช่องที่เราไม่ได้ติดตาม

5 ปัจจัยสำคัญที่ AI TikTok ใช้ในการแนะนำคลิป (เรียงลำดับความสำคัญ):Watch Time (เวลาในการรับชม): สำคัญที่สุด คลิปที่ทำให้คนดูจนจบ หรือดูนานขึ้น จะถูกดัน

Trend Song (เพลง/เสียงที่เป็นกระแส): การใช้เพลงหรือเสียงที่กำลังเป็นที่นิยมจะช่วยเพิ่มการมองเห็น

Share (การแชร์): คลิปประเภท How-to, เทคนิค, รีวิว มักจะถูกแชร์ดี

Comment (ความคิดเห็น): คลิปที่กระตุ้นให้เกิดคอมเมนต์ (เช่น ตั้งคำถามในตอนท้าย) จะได้ประโยชน์จากการที่คนใช้เวลาพิมพ์คอมเมนต์ (คลิปเล่นซ้ำ)

Like (การกดถูกใจ): คลิปที่ถูกใจผู้ชมในด้านใดด้านหนึ่ง

คำแนะนำ: ก่อนสร้างคลิป ควรกำหนดเป้าหมายว่าคลิปนี้ต้องการเน้นปัจจัยใดเป็นพิเศษ

การสร้างช่อง (Channel Structure) ให้ AI เข้าใจ:ความเฉพาะทาง (Niche): AI พยายามทำความเข้าใจความชอบของผู้ชมแบบ "ลึก" มากกว่า "กว้าง"

3 รูปแบบการสร้างช่อง:Mass (กว้าง): สำหรับ Influencer/Celebrity ทำเนื้อหาทั่วไป ไม่เจาะลึก

Specific (เฉพาะทาง): เจาะจงหมวดหมู่ (เช่น บันเทิง, อาหาร, ท่องเที่ยว)

Niche (เจาะลึกมาก): เจาะจงหัวข้อเฉพาะมาก (เช่น แฟนคลับศิลปินคนเดียว, การเลี้ยงมด)

คำแนะนำ: ควรกำหนดทิศทางของช่องให้ชัดเจน (Mass, Specific, Niche) และสร้างคอนเทนต์ให้สอดคล้องกับทิศทางนั้น เพื่อให้ AI เข้าใจและดันช่องได้ดีขึ้น

เทคนิคและฟีเจอร์อื่นๆ:Effect: ใช้เอฟเฟกต์ที่แพลตฟอร์มโปรโมทในช่วงเวลาเทศกาลต่างๆ จะช่วยดันคลิป

Hashtag: ใช้แฮชแท็กที่กำลังเป็นกระแสหรือได้รับความนิยม

Cover Photo (ภาพปก): สำคัญมาก ต้องน่าสนใจและสื่อถึงเนื้อหาของคลิปได้

Reply Comment (ตอบกลับคอมเมนต์ด้วยวิดีโอ): ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าช่องมีปฏิสัมพันธ์ ทำให้คนอยากคอมเมนต์มากขึ้น

ความสม่ำเสมอ (Consistency): ทุกแพลตฟอร์มชอบช่องที่โพสต์สม่ำเสมอ กำหนดความถี่และทำตามนั้นอย่างต่อเนื่อง

กฎและข้อห้าม (TikTok): ห้ามใช้คำโอ้อวด (อันดับ 1, ดีที่สุด), ห้ามมี QR Code ในคลิป, ห้ามใส่ภาพหรือพูดชื่อแพลตฟอร์มอื่น (เช่น Facebook, YouTube, Shopee, Line) หากฝ่าฝืนอาจถูกลดการมองเห็นหรือแบนบัญชี

Affiliate Marketing บน TikTok Shop:ผู้สร้างคอนเทนต์สามารถเพิ่มสินค้าเข้าไปในคลิปของตนเอง และรับค่าคอมมิชชั่นเมื่อมีคนสั่งซื้อผ่านคลิปนั้น (โดยไม่ต้องจัดการสต็อกหรือจัดส่ง)

ตัวอย่าง: ช่องที่ลงคลิปจำนวนมาก (เช่น 15 คลิป/วัน) แม้ยอดวิวไม่สูงมาก แต่สามารถสร้างรายได้จำนวนมากจากการขายสินค้า (เน้น Conversion มากกว่า Reach)

แคมเปญและโครงการ

"Are You Kidney OK?" แคมเปญวันไตโลก 2025 (World Kidney Day 2025) จัดขึ้นทุกวันพุธที่สองของเดือนมีนาคม

เน้นการตรวจคัดกรองโรคไตแต่เนิ่นๆ และการดูแลสุขภาพไต ("ดูแลไต ใส่ใจคัดกรอง ป้องกันโรคไต")

สโมสรโรตารีสาตภูมิและ MBA มหาวิทยาลัยขอนแก่นจะจัดแคมเปญการแข่งขันสร้าง วิดีโอสั้นในหัวข้อ "สุขภาพดี ห่างไกลโรคไต" เพื่อสร้างความตระหนักรู้

มีการมอบรางวัลรวมมูลค่า 15,000 บาท (รางวัลที่ 1: 10,000 บาท, รางวัลชมเชย: 2,000 บาท)

ข้อคิดที่สำคัญ

การป้องกันโรคไตมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นปัญหาสุขภาพที่รุนแรงและมีค่าใช้จ่ายสูง

คอนเทนต์มีพลังมหาศาลในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความคิดของผู้คน

ผู้สร้างคอนเทนต์ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ มีบทบาทสำคัญในการผลิตข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ

การเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มต่างๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของคอนเทนต์

ความสม่ำเสมอและความคิดสร้างสรรค์เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างคอนเทนต์ให้ประสบความสำเร็จ

ผู้บรรยาย:





อาจารย์วีรจร พนิช (รองคณบดี MBA ม.ขอนแก่น และอดีตนายกสโมสรโรตารีสาตภูมิ): บรรยายเปิดงาน เน้นย้ำความสำคัญของโครงการและความร่วมมือ

คุณสุนพร เหมียวตระกูลสุข (นายกสโมสรโรตารีสาตภูมิคนปัจจุบัน): กล่าวต้อนรับและขอบคุณผู้สนับสนุน

คุณกิตธเนศ วัฒนสุเขียจเจริญ (ผู้ช่วยผู้ว่าการภาค สโมสรโรตารีสาตภูมิ ภาค 3350): กล่าวเปิดงาน เน้นย้ำบทบาทของโรตารีในการบำเพ็ญประโยชน์

แพทย์หญิงสาวินี คงเพชร (อายุรแพทย์โรคไต ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคไต คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น): บรรยายสถานการณ์โรคไต สาเหตุ การคัดกรอง และการป้องกัน

คุณขจร เจียรนัยพานิช (ผู้ก่อตั้ง RAINMAKER และผู้จัดงาน iCreator Conference): บรรยายเทคนิคการสร้างคอนเทนต์วิดีโอสั้นให้มีประสิทธิภาพและเรียกพฤติกรรมผู้ชม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การประชุมสรุปผลการสัมมนาโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย

เทศกาลอาหารอีสานขอนแก่น 2568

KhonKaen NEXT ดีเบต 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น