กลไกการบูรณาการและการขยายผลนวัตกรรมไปสู่พื้นที่อื่นอย่างเป็นระบบ
แผนงานนี้มีกลไกการบูรณาการและการขยายผลนวัตกรรมไปสู่พื้นที่อื่นอย่างเป็นระบบ โดยอาศัยผลลัพธ์จากโครงการนำร่องและสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับต่างๆ ดังนี้:
1. กลไกการขยายผลนวัตกรรมและเทคโนโลยี (Scaling Up and Replication)
แผนงานนี้มีลักษณะเป็น "งานวิจัยเชิงปฏิบัติการ" (research action) และโครงการนำร่อง (pilot)*โดยมุ่งเน้นการสร้างโมเดลการบริหารจัดการน้ำที่สามารถถอดบทเรียนและขยายผลได้
การทดสอบและส่งต่องาน:*แผนงานจะทำการทดสอบเทคโนโลยีใหม่ๆ ในพื้นที่โครงการ และหากเทคโนโลยีนั้นๆ ได้รับการยอมรับจากพื้นที่แล้ว ก็จะส่งต่อผลงานเหล่านั้นเข้าสู่ หน่วยงานตามภารกิจ (functional units)*ต่างๆ เพื่อให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จากนั้นจึงจะมีการขยับขยายผลไปสู่พื้นที่อื่นๆ ต่อไป
การสร้างแม่แบบสำหรับน้ำท่วมเมือง:
โมเดลเชียงใหม่*ถูกกำหนดให้เป็น แม่แบบ (blueprint)*ในเรื่องของการจัดการน้ำท่วมเมือง
วิธีการดำเนินงาน (Methodology) ที่คล้ายคลึงกับเชียงใหม่จะถูกนำไปใช้ในเมืองอื่นๆ ที่มีปัญหาน้ำท่วม เช่น เชียงราย ขอนแก่น และชัยภูมิ
มีการสร้างนวัตกรรมโดยการเติม แนวคิดเมืองฟองน้ำ (Spongy City)*ซึ่งเป็น Nature-Based Solution (NBS) เข้าไปในการปรับปรุงผังเมือง แนวคิดนี้จะนำไปใช้ใน เชียงใหม่ เชียงราย และขอนแก่น
การสร้างแม่แบบสำหรับการจัดการน้ำระดับจังหวัดและตำบล:
การจัดการน้ำระดับจังหวัด:*มีการทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (มท) โดยสำนักงานจังหวัดจะเป็นผู้จัดการและวางแผน ทีมงานจะร่าง คู่มือและตัวแม่แบบ (manual and model)*เพื่อให้จังหวัดนำไปทดลองใช้ หากคู่มือนี้ประสบความสำเร็จภายใน 2 ปี ก็คาดว่าจะถูกนำไปสู่การเป็นกฎระเบียบ (regulation) และบังคับใช้โดย กนช. ผ่านกระทรวงมหาดไทย
โมเดลตำบล:*โมเดลที่ประสบความสำเร็จในระดับตำบล เช่น ตำบลบ่อสวก*ที่จังหวัดน่าน สามารถจัดการทั้งปัญหาน้ำท่วมและยกระดับรายได้ในพื้นที่ โมเดลเหล่านี้เป็นฟังก์ชันสำคัญที่จังหวัดน่านใช้ในการขับเคลื่อน
การพัฒนาเครื่องมือมาตรฐาน:*แผนงานพยายามที่จะสร้าง มาตรฐานและ SOP (Standard Operating Procedure)*ที่มีรายละเอียดเชิงเทคนิค เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ สามารถนำไปใช้ได้ง่ายและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความท้าทายในการบูรณาการแพลตฟอร์มเตือนภัยน้ำท่วม/น้ำแล้งที่พัฒนาโดยโครงการต่างๆ ให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อลดความซ้ำซ้อน
2. กลไกการบูรณาการ (Integration Mechanisms)
การบูรณาการเป็นหัวใจสำคัญของแผนงานนี้ เนื่องจากปัญหาเรื่องน้ำมักมีการทำงานแบบแยกส่วน (ไซโล)
บทบาท "ไม้เสียบลูกชิ้น":*แผนงานเข้ามาทำหน้าที่เป็น "ไม้เสียบลูกชิ้น"*เพื่อเชื่อมโยงและเติมเต็มช่องว่าง (gap) ในการบูรณาการงานน้ำของหน่วยงานต่างๆ
การทำงานกับหน่วยงานหลัก (Regulators and Operators):
มีการ ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU)*กับจังหวัดและหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมส่งเสริมการเกษตรและกรมชลประทาน
มีการหารือกับ สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย (สป. มท.)*เพื่อให้ สป. มท. สามารถออก จดหมายกำชับ*ไปยังพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานของทีมวิจัย
ในพื้นที่ที่มีโครงการซ้ำซ้อนกันระหว่าง สวก. และ วช. จะมี อาจารย์ประจำจังหวัด*ทำหน้าที่ประสานงานเพื่อบูรณาการงานวิจัยไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน แต่เสริมงานซึ่งกันและกัน
มีการหารือกับ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)*ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลงานน้ำ และมีการเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการถ่ายทอดผลงานวิจัยไปสู่หน่วยงานปฏิบัติ
การบูรณาการระดับผู้ปฏิบัติงาน:*มีข้อเสนอแนะให้เชิญ ผู้ปฏิบัติงานระดับกลาง*จากหน่วยงานปฏิบัติการ (Operator) และหน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) ต่างๆ เข้ามาเป็นคณะวิจัยร่วมกัน เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ ความเป็นเจ้าของ และความยั่งยืนของผลงาน
การเชื่อมโยงกับภาคเอกชนและสังคม:*มีการประชุมหารือกับ สภาอุตสาหกรรมและหอการค้า*ในหลายจังหวัดเพื่อขอความร่วมมือ ตัวอย่างเช่น ที่ขอนแก่น มีการประชุมกับภาคเอกชนเพื่อหารือเนื่องจากภาคเอกชนมีการใช้น้ำถึง 15-20%
การวิเคราะห์เชิงระบบ (System Analysis):*มีข้อเสนอแนะว่าควรมีการวิเคราะห์เชิงระบบ (System Analysis) โดยใช้โมเดลที่ประสบความสำเร็จ เช่น โมเดลบ่อสวก และเชียงใหม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการขยายผลระบบขนาดใหญ่ โดยอาจใช้เทคโนโลยี Big Data หรือ AI เข้ามาช่วย การสื่อสารผลงานก็ควรเน้นการวิเคราะห์เชิงระบบ (system analysis) มากกว่าการรายงานผลการดำเนินงานตามภารกิจ (functional work)。
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น